วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

เบาหวานกับสุขภาพในช่องปาก

เบาหวานทำให้ร่างกายมีความสามารถในการป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อน้อยลง ดังนั้นจึงพบคำถามเกี่ยวกับช่องปากจากคนที่เป็นเบาหวานอยู่บ่อยๆ


ปัจจุบันนี้มีผู้ที่เป็นโรคเบาหวานสามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ หากดูแลรักษาสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดและสม่ำเสมอ คนที่เป็นเบาหวานนั้นจะต้องตระหนักว่าผลข้างเคียงอาจมีผลหรือสร้างปัญหาต่ออวัยวะส่วนอื่นๆ ที่สำคัญเบาหวานทำให้ร่างกายมีความสามารถในการป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อน้อยลง คือ ติดเชื้อง่ายขึ้นและแผลหายช้า ดังนั้นผมจึงพบคำถามเกี่ยวกับช่องปากจากคนที่เป็นเบาหวานอยู่บ่อยๆ เช่น

เป็นโรคเบาหวานถอนฟันได้หรือไม่?
ทำไมคนเป็นเบาหวานเป็นโรคเลือดออกได้ง่าย?
ทำไมเป็นเบาหวานแล้วเกิดแผลในช่องปากบ่อยๆ?

ดังนั้นเราควรมาเรียนรู้ถึงความสัมพันธ์ของโรคเบาหวานกับสุขภาพในช่องปาก เพื่อควบคุมปฏิบัติให้ถูกต้อง ก็จะช่วยให้มีความสุขในการใช้ฟันเคี้ยวอาหารและลดเรื่องยุ่งยากลงได้อย่างมากทีเดียวครับ

ปัญหาสุขภาพในช่องปากที่มักสัมพันธ์ไปกับโรคเบาหวานมีอะไรบ้าง

ฟันผุ
โรคเหงือกอักเสบ
ปัญหาต่อมน้ำลายทำงานผิดปกติ
การติดเชื้อราในช่องปาก
การติดเชื้อและเป็นแผลแล้วหายช้า
การรับรู้รสเสียไป

จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ควรได้รับการตรวจเช็คสุขภาพเป็นประจำ และควรมีข้อมูลเหล่านี้ให้ทันตแพทย์ทราบทุกครั้งที่ไปทำฟันเพื่อที่ทันตแพทย์จะได้เตรียมการรักษาให้เหมาะกับคุณ

ถ้าคุณพบว่าเป็นเบาหวานอย่าปิดบังเพื่อจะได้ทำฟัน หลายท่านเข้าใจว่าถ้าบอกหมอว่าเป็นเบาหวานหมอจะไม่ทำฟันให้
คุณได้รับการรักษาเบาหวานและอยู่ในความดูแลของแพทย์อยู่
มียาอะไรบ้างที่ใช้อยู่

อาหารและฟันผุ

หากคนที่เป็นเบาหวานปล่อยปละละเลยไม่ควบคุมน้ำตาลให้ดี ปริมาณน้ำตาลที่สูงขึ้นในเลือด ในน้ำลาย ช่วยให้แบคทีเรียในช่องปากเจริญเติบโตได้เร็วขึ้นนั้น หมายถึงโอกาสที่เกิดโรคฟันผุและเหงือกอักเสบก็ง่ายขึ้นด้วย

คนที่เป็นเบาหวานจึงต้องหมั่นรักษาความสะอาดในช่องปากให้มากๆ นั้นคือ แปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ ทำความสะอาดตามซอกฟัน เพื่อลดคราบอาหารที่เป็นส่วนช่วยเสริมทำให้เกิดฟันผุและโรคเหงือกอักเสบ

คราบอาหารหรือขี้ฟัน ถ้าไม่ถูกขจัดออกปล่อยทิ้งสะสมไว้ มันจะรวมตัวกันเป็นหินปูน ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบของเหงือกและติดเชื้อในช่องปากได้ง่ายขึ้น ก็เพราะว่า เบาหวานลดการป้องกันการติดเชื้อของร่างกายลง เหงือกและกระดูกรองรับรากฟันก็จะถูกกระทบเช่นกัน คนที่เป็นเบาหวานจึงเกิดโรคเหงือกอักเสบได้ง่ายและสูญเสียฟันไปอย่างรวดเร็ว ถ้าดูแลไม่ถูกต้อง

เราพบว่าคนเป็นเบาหวานที่ไม่สนใจควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดจะเกิดโรคเหงือกอักเสบได้ง่ายและรุนแรงถึงขนาดสูญเสียฟันไปได้ง่ายกว่าคนที่เป็นเบาหวานแต่ได้รับการควบคุมอย่างดี

ถ้าหากคุณพบว่ามีอาการเหล่านี้ต้องรีบไปพบทันตแพทย์ทันที

เหงือกมีเลือดออกบ่อยๆ และง่าย
เหงือกอักเสบแดง และเจ็บ
มีหนองอยู่ตามซอกเหงือก
มีกลิ่นปาก
ฟันโยก
ฟันปลอมที่ใส่อยู่หลวม

การติดเชื้อรา

ปกติแล้วในช่องปากก็มีแบคทีเรียและเชื้อราอยู่ แต่ร่างกายปกติสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่ในสภาพที่มีเบาหวานนั้นการเปลี่ยนแปลงและการป้องกันนี้ลดลง เชื้อราในช่องปากจึงมักปรากฎบ่อยๆ ในคนเป็นเบาหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สูบบุหรี่ คนที่ใส่ฟันปลอมแบบถอดได้

เมื่อคุณเป็นเบาหวานมีรายละเอียดที่แตกต่างไปจากปกติที่ต้องให้ความสนใจ คือ การดูแลรักษาสุขภาพในช่องปากให้สะอาดอย่างจริงจัง เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดฟันผุและเหงือกอักเสบ นั่นคือ

คุณเองต้องขยันแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟันหลังอาหารทุกมื้อ
ใกล้ชิดหมอฟันมากหน่อย ตรวจฟันทุกๆ 3 เดือน ทำความสะอาดขูดหินปูนอย่าให้คราบหินปูนเกาะตามขอบเหงือกและฟัน
ควบคุมอาหารหวานและแป้งที่ง่ายต่อการเกิดโรคเหงือกและฟันผุ
หัดเป็นคนช่างสังเกตุว่ามีอะไรสิ่งผิดปกติในช่องปาก เลือดออกง่าย ฟันโยก เสียวฟัน ก็รีบพบทันตแพทย์ทันที

เมื่อจำเป็นต้องไปพบทันตแพทย์ เพื่อรักษาฟัน คุณควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่าให้สูงมาก บางครั้งแพทย์ต้องให้ยาปฏิชีวนะก่อนทำทันตกรรมเพื่อลดการเสี่ยงการติดเชื้อ จะเห็นได้ว่าคนที่เป็นเบาหวานนั้น ถ้าหากเข้าใจลักษณะที่มากับโรคนี้และมีผลกระทบกับช่องปากอย่างไรแล้วสามารถควบคุมได้ ก็จะช่วยลดผลแทรกซ้อน และคุณก็จะมีสุขภาพในช่องปากที่ดีสามารถใช้ฟันบดเคี้ยวอาหารได้อย่างมีความสุขครับ

colskys@hotmail.com

คานาเป้ ของว่างไม่อ้วน

ในสัปดาห์ที่ผู้อ่านส่วนใหญ่มีวันหยุดยาวต่อเนื่องเช่นนี้ หลายท่านคงเพลิดเพลินกับการพักผ่อนและสนุกกับเรื่องการกิน หรือที่เรียกว่า เอนจอย อีตติ้ง จนน้ำหนักอาจพุ่งพรวด พาลต้องมานั่งกลุ้มใจ หาวิธีลดในตอนหลัง

มุมสุขภาพ-กินดี มีคำแนะนำดี ๆ มาย้ำเตือนเรื่องการกินเพื่อสุขภาพอย่าให้อ้วน โดยยึดหลักแคลอรีจากอาหารที่รับประทาน

การจะรู้ค่าจำนวนแคลอรีที่เหมาะสมนั้น ผู้อ่านต้องใช้น้ำหนักตัว(กิโลกรัม) คูณด้วย 25 จึงจะได้ค่าปริมาณแคลอรีที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ตัวอย่างเช่น น้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม นำ 50 x 25 ผลลัพธ์ คือ 1,250 กิโลแคลอรี

แต่มีปัญหาอยู่ว่า ผู้ที่มีน้ำหนักตัวไม่ได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะอ้วนหรือผอมเกินไปนั้นควรคำนวณอย่างไร? หากเป็นเช่นนั้นต้องหาน้ำหนักตัวที่เหมาะสมเสียก่อน ด้วยสูตรง่าย ๆ คือ ส่วนสูง(เซนติเมตร) ลบ 100 (ผู้ชาย) หรือ 110 (ผู้หญิง) เช่น คุณเอ เป็นผู้หญิง มีน้ำหนักตัว 68 กิโลกรัม สูง 158 เซนติเมตร หาปริมาณแคลอรีด้วยการนำ ส่วนสูง 158 - 110 ผลลัพธ์ คือ 48 กิโลกรัม

จากนั้นนำน้ำหนักตัวที่เหมาะสมไปเข้าสูตรคำนวณแคลอรี คุณก็จะทราบว่า ในแต่ละวันร่างกายมีความสามารถในการเผาผลาญอาหารที่รับประทานเข้าไปเพียงใด เพราะหากรับประทานเกินความจำเป็น พลังงานที่เผาผลาญไม่หมดจะกลายเป็นไขมันสะสมจนอ้วน อีกนัยหนึ่ง คือ การรับประทานอาหารที่คำนวณแคลอรีตามน้ำหนักตัวที่ควรจะเป็นสามารถควบคุมน้ำหนัก ลด หรือเพิ่มได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม กินดี มีสูตรอาหารว่างอย่าง คานาเป้ ที่ผ่านการคำนวณแคลอรีของส่วนผสมแต่ละอย่างจากทีมโภชนาการโรงพยาบาลนครธน นำมาสาธิตในกิจกรรมเสวนา เอจจิ้ง สลิมมิ้ง ค้นพบเคล็ดลับสาว 40+ กินอย่างไร ไม่อ้วน ไม่แก่ ซึ่งจัดโดยส่วนงานรักลูก วูแมน ในเครือรักลูกกรุ๊ป

โดยส่วนผสมของการทำคานาเป้ ที่ต้องเตรียมตามส่วนเพื่อให้ได้ปริมาณแคลอรีตามสูตร ประกอบด้วย...

แครกเกอร์ 3 ชิ้น ให้พลังงาน 60 แคลอรี
แครอทต้มสุกหั่นลูกเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงาน 5 แคลอรี
มันฝรั่งต้มสุกหั่นลูกเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงาน 8 แคลอรี
ปลาทูน่า 1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงาน 15 แคลอรี
เนื้อไก่ต้มสุกหั่นชิ้นเล็ก 1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงาน 15 แคลอรี
ซาลารี พอประมาณ ไม่คิดพลังงาน
ผักกาดหอม พอประมาณ ไม่คิดพลังงาน
น้ำสลัด (สูตรไขมันต่ำ) 1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงาน 45 แคลอรี

ขั้นตอนในการปรุง เริ่มจากการใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไปคลุกเคล้าที่ชามผสม จากนั้นตักแบ่งใส่แครกเกอร์ที่เตรียมไว้ สามารถรับประทานเป็นอาหารว่างร่วมกับน้ำสำรองที่มีสรรพคุณช่วยลดไขมันในร่างกาย โดยน้ำชนิดนี้หากดื่มแบบที่ไม่ปรุงแต่งให้เสียรส จะไม่คิดพลังงาน

เพราะฉะนั้น อาหารว่างมื้อนี้ คุณผู้อ่านจะได้พลังงานจากอาหารซึ่งนำปริมาณแคลอรีของส่วนผสมทั้งหมดมารวมกันได้ 148 กิโลแคลอรี เท่านั้น.

colskys@hotmail.com

วิธีป้องกันอาการท้องผูก

ใครที่ประสบปัญหาอาการท้องผูกเป็นประจำ วันนี้เรามีวิธีป้องกันอาการท้องผูกมาบอก...


หลีกเลี่ยงอาหารเส้นใยต่ำ โดยเฉพาะอาหารประเภทน้ำตาลและแป้งขัดสี อย่างเช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว ขนม เนยแข็ง ไข่

ทานอาหารที่มีเส้นใยสูง โดยเฉพาะผัก ถั่ว ผลไม้ เพราะจะช่วยให้ระบบการเผาผลาญและระบบการขับถ่ายดีขึ้น

ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว

หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการทานยาระบาย

ฝึกนิสัยขับถ่ายให้เป็นระบบ

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและพักผ่อนให้เพียงพอ

เพียงเท่านี้ อาการท้องผูกก็จะค่อยๆหายไป.

colskys@hotmail.com

ป้องกัน ‘กลาก-เกลื้อน’ เยือนกาย


แค่ไม่รักษาความสะอาดร่างกาย ปล่อยให้เกิดความอับชื้นทั้งจากเหงื่อและน้ำ โรคกลากและโรคเกลื้อนก็จะเยือนเรือนกายของคุณได้อย่างงายดาย


ขณะที่วิธีป้องกันนั้นทำได้ไม่ยาก เพียงปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้...


หลังการอาบน้ำหรือว่ายน้ำ ต้องเช็ดตัวให้แห้งสนิททุกซอกทุกมุม โดยเฉพาะศีรษะ รักแร้ ใต้ราวนม ขาหนีบ ซอกมือและซอกเท้า ก่อนโรยแป้ง
กรณีที่เครื่องแต่งกายเปียกชื้น เช่น เสื้อ กางเกง กางเกงชั้นใน ถุงเท้า รองเท้า ต้องรีบทำให้แห้ง หากจำเป็นต้องเดินเข้าไปในบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง ควรสวมรองเท้าบูทที่สามารถป้องกันผิวหนังสัมผัสกับน้ำ แต่ถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงและไม่มีรองเท้าบูท หลังเดินพ้นจากน้ำที่ท่วมขัง ให้รีบล้างและฟอกสบู่ให้สะอาด
นอกจากนี้ ยังต้องหมั่นตัดเล็บให้สั้น รวมทั้งทำความสะอาดซอกเล็บเป็นประจำ ที่สำคัญหลีกเลี่ยงการใช้ของใช้บางอย่างร่วมกัน เช่น ของใช้ในหมวดเสื้อผ้า-เครื่องแต่งกาย แปรงหรือหวีผม ในผู้ที่เป็นโรคกลากและโรคเกลื้อนแล้วยิ่งไม่ควรใช้ของร่วมกับผู้อื่น เพราะโรคดังกล่าวสามารถติดต่อกันได้ทางการสัมผัส และพฤติกรรมการใช้ข้าวของร่วมกัน.

ทำอย่างไรเมื่อถูกสุนัขกัด-ข่วน

เพราะไม่มีใครรู้ว่า ในช่วงหน้าร้อนที่โรคพิษสุนัขบ้าอาจระบาด ใครจะเคราะห์ร้ายถูกสุนัข หรือสัตว์พาหะกัด-ข่วนเข้าหรือไม่ ดังนั้นการเตรียมรับมือด้วยการเรียนรู้วิธีปฏิบัติเมื่อถูกสัตว์พาหะกัดหรือข่วน จึงเป็นการลดความเสี่ยงที่คุณผู้อ่านพึงรู้

ทันทีที่ถูกกัด ให้รีบล้างแผลด้วยน้ำสะอาด พร้อมฟอกสบู่ โดยพยายามล้างให้ลึกเข้าไปในรอยแผล จากนั้นให้ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ 70% ทำความสะอาดแผลอีกรอบ กรณีมีแผลฉกรรจ์และเลือดออก ควรปล่อยให้เลือดไหลออกไปก่อนระยะหนึ่งเพื่อเป็นการล้างน้ำลายของสัตว์ที่อาจมีเชื้อไวรัส และรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาบาดแผล และรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และป้องกันบาดทะยัก

ขณะที่การสังเกตอาการของสัตว์ที่กัดหรือข่วนว่ามีเชื้อพิษสุนัขบ้าหรือไม่ หากเป็นสัตว์เลี้ยงของตนเองควรกักบริเวณเพื่อดูอาการ 10 วัน หากสัตว์ตัวดังกล่าวตาย ให้ส่งไปชันสูตรภายใน 24 ชั่วโมง โดยสามารถขอคำแนะนำได้ที่สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข หรือปศุสัตว์ในพื้นที่ เนื่องจากการเก็บตัวอย่างของสัตว์ที่ตายแล้วเพื่อส่งตรวจสอบจะต้องทำด้วยความระมัดระวัง ไม่สัมผัสซากสัตว์หรือของเหลวจากสัตว์โดยตรง มิฉะนั้นผู้ที่ปฏิบัติอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้

อย่างไรก็ตาม เชื้อไวรัสเรบีส์ ตัวการก่อโรคพิษสุนัขบ้าจะตายลงภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว เมื่อถูกน้ำยาฆ่าเชื้อ อาทิ ฟอร์มาลีน แอลกอฮอล์ ทิงเจอร์ไอโอดีน และสบู่ ทั้งนี้คุณผู้อ่านควรรักษาตัวอย่าให้ถูกสัตว์กัด-ข่วน หรือสัมผัสน้ำลายของสัตว์ที่อาจเป็นพาหะนำโรค.

colskys@hotmail.com

7 หลักเลี่ยงไขมันพอกตับ

คำแนะนำของ พญ.วิภากร ชูแสง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินอาหารและตับ เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน และผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสประสบปัญหาไขมันพอกตับมากที่สุด


ไม่อยากเสี่ยงปัญหาไขมันพอกตับ แนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของ พญ.วิภากร ชูแสง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินอาหารและตับ กล่าวไว้ในนิตยสาร Better Health โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โดย มุมสุขภาพ นำมาจัดหมวดหมู่ไว้ได้ 7 หลัก เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน และผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสประสบปัญหาไขมันพอกตับมากที่สุด

เริ่มจาก 1.การลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย โดยต้องลดลงไม่เกิน 0.5 กิโลกรัม ต่อสัปดาห์ ตามด้วย 2.การออกกำลังกายเป็นประจำอย่าให้ขาด และหลักข้อ 3.สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และไขมันในเลือดสูง ต้องควบคุมโรคให้ดี ร่วมกับการรับประทานยาตามแพทย์สั่ง ควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย

ข้อ 4.เป็นการลด และเลิกการดื่มสุรา เพราะเป็นการเพิ่มภาระให้ตับ หลักข้อ 5.หลีกเลี่ยงการรับประทานยา หรืออาหารเสริมที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะชนิดที่เป็นน้ำมันและสมุนไพร ส่วนหลักที่ 6.ต้องป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อ เช่น ตรวจสอบว่าตนเองมีภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบหรือไม่ หากไม่มีต้องฉีดวัคซีนป้องกัน รวมทั้งการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย เมื่อต้องทำฟัน หรือทำเล็บ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ สุดท้ายข้อ 7.อย่าละเลยการตรวจสุขภาพประจำปี เพราะผู้ป่วยไขมันพอกตับส่วนใหญ่จะถูกตรวจพบความผิดปกติจากผลตรวจสุขภาพที่แสดงค่าเอนไซม์ของตับ (AST และ ALT) ผิดปกติ คือมากกว่า 40.

colskys@hotmail.com

ฟิตหุ่นล่ำทำอย่างไร

แนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังกายเพื่อความแข็งแรงและหุ่นที่ฟิตแอนด์เฟิร์ม เหมาะกับชายไทยที่ต้องการเสริมเสน่ห์ด้วยหุ่นล่ำ ๆ

การออกกำลังกาย ไม่ว่าประเภทใด ล้วนแต่ให้ประโยชน์กับร่างกายทั้งนั้น ยืดเส้นยืดสาย วันนี้ มีคำ

สำหรับเทรนเนอร์รับเชิญไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือนักกีฬาเพาะกายทีมชาติไทย เจ้าของแชมป์หลายรายการ คุณโอ๋-สิทธิ เจริญฤทธิ์ ที่มีท่าการออกกำลังกายขั้นพื้นฐาน ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพื่อสุขภาพและรูปร่างที่ดี ให้ผู้อ่านหนุ่ม ๆ มีหุ่นสมส่วนอย่างนายแบบ

คุณโอ๋ กล่าวถึงการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคุณผู้ชาย ควรพัฒนากล้ามเนื้อ 3 ส่วน ประกอบด้วย กล้ามเนื้อไหล่ กล้ามเนื้อหน้าอก และกล้ามเนื้อท้อง โดยเฉพาะการพัฒนากล้ามเนื้อไหล่ หากทำให้กว้างขึ้นจะสวมเสื้อแล้วดูดี ส่วนการบริหารกล้ามเนื้อแต่ละครั้งต้องไม่ละเลยการวอร์มอัพกล้ามเนื้อราว 20 นาที แล้วจึงเริ่มฟิตหุ่นจากกล้ามเนื้อไหล่ ต่อด้วยอก ตามด้วยแขน และจบด้วยท้อง จากนั้นยังต้องค่อย ๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้ออีก 20 นาที ก่อนสิ้นสุดการออกกำลังกาย

สำหรับท่าทางการออกกำลังกายเริ่มปฏิบัติด้วยการใช้ดัมเบลคู่ เลือกน้ำหนักที่สามารถยกได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่รู้สึกล้า ยืนตรงจับดัมเบลแนบข้างลำตัว จากนั้นยกออกจากลำตัวด้านข้าง เล่น 8-10 ครั้ง จะเท่ากับ 1 เซ็ต ปฏิบัติ 3-4 เซ็ต เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อไหล่ด้านข้าง

ท่าต่อมา นั่งหลังตรง ยกดัมเบลคู่ ตั้งศอกเป็นแนวตั้งฉาก และยกแขนขึ้นเป็นแนวตรง ปฏิบัติให้ได้จำนวนครั้งและเซ็ตเท่ากับท่าแรก เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อไหล่ด้านหน้าและด้านข้าง

ลำดับต่อมาเป็นท่าทางการฝึกกล้ามเนื้ออก โดยการนอนราบกับเครื่องออกกำลังกายแบบสมิทแมชชีน เลือกเหล็กที่มีน้ำหนักพอยกไหวไม่หนักเกินไป ยกขึ้นเหยียดแขนตรง ยกลงแนวแขนตั้งฉาก ฝึก 8-10 ครั้ง หรือ 1 เซ็ต และทำให้ได้ 4-5 เซ็ต

ท่าสุดท้ายฝึกกล้ามเนื้อหน้าท้อง ทั้งช่วงบนและล่าง หรือเรียกว่า ซูเปอร์เซ็ต ที่เน้นการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง จึงสามารถกระตุ้นการเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี ปฏิบัติโดยเริ่มจากนอนราบในท่าเตรียม ชันเข่า 45 องศา ยกลำตัวขึ้นหาช่วงเข่า แต่ไม่ต้องให้ชิดมาก เป็นการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนบน ขณะที่ส่วนล่างให้นอนราบในท่าเตรียม แล้วยกขาทั้งสองข้างขึ้นสูง งอเข่าเล็กน้อย ในการทำซูเปอร์เซ็ตให้พยายามพัฒนาจำนวนครั้งให้มากขึ้นเรื่อย ๆ และแบ่งเป็น 5 เซ็ต

อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายด้วยวิธีบริหารเพิ่มกล้ามเนื้อ ควรอยู่ในความดูแลของเทรนเนอร์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อผลลัพธ์ที่ถูกต้อง โดยสามารถขอคำปรึกษาได้ที่ศูนย์ฝึกเพาะกายทีมชาติไทย 0-2689-5298

ช่องคลอด สะอาดเกิน เกิดภัย

เนื่องจากบริเวณช่องคลอดนั้นมีเชื้อแบคทีเรียอยู่หลายชนิด แต่ก็มีประมาณ 15 ชนิด ที่เป็นประโยชน์

หลังรู้จักกลไกการทำความสะอาดภายในช่องคลอดตามธรรมชาติไปแล้ว คุณผู้หญิงก็จะยังต้องรักษาความสะอาดบริเวณภายนอกช่องคลอดอย่างถูกต้องโดยไม่ให้เสียสมดุล อาทิ แลคโตแบซิลลัส แบคทีเรียซึ่งช่วยป้องกันการติดเชื้อ ส่งผลให้ช่องคลอดมีสภาพเป็นกรด ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียตัวร้าย

เมื่อเป็นเช่นนั้นการขจัดสิ่งสกปรกจึงต้องไม่ทำลายแบคทีเรียตัวดี ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นโดยเฉพาะแบบที่เป็นสบู่ผสมน้ำหอมนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องใช้บ่อยครั้ง สามารถใช้น้ำสะอาดล้าง แต่ไม่ควรฉีดน้ำแรง ๆ เข้าช่องคลอด หรือล้างลึกลุกล้ำเข้าไปภายใน เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อที่อุ้งเชิงกราน

สำหรับขนบริเวณอวัยวะเพศ ไม่ควรโกนทิ้ง เนื่องจากช่วยกรองฝุ่นละอองไม่ให้เข้าสู่อวัยวะเพศ ขณะที่อาการคันมักเกิดเพราะความอับชื้นของเหงื่อจากการสวมกางเกงชั้นในหรือกางเกงที่รัดแน่นเกินไป หากไม่เปลี่ยนขนาดเครื่องนุ่งห่ม นานวันไปอาจมีปัญหาเชื้อราตามมา

ส่วนเรื่องของกลิ่นจากช่องคลอดซึ่งไม่เหม็นรุนแรงนั้น ถือเป็นเรื่องปกติ โดยกลิ่นจะเป็นเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับอาหารที่รับประทาน สารเคมีในร่างกาย ช่วงการมีประจำเดือน หรือจากเหงื่อที่ขับออกมา

อย่างไรก็ตาม ทุก ๆ 3 เดือน คุณผู้หญิงควรใช้กระจกส่องดูอวัยวะเพศเพื่อสังเกตความผิดปกติของขนาดหรือสี หากมีลักษณะเปลี่ยนไปควรพบสูตินรีแพทย์ด่วน.

colskys@hotmail.com

ว่าด้วย ‘โรค’ ร้อน!

ล่วงเข้าสู่ฤดูร้อน สภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ใครต่อใครไม่อยากพาตัวไปออกแดด หรืออยู่ในที่โล่งแจ้ง แต่สำหรับคนบางกลุ่มที่ต้องทำกิจกรรมหรือประกอบอาชีพท่ามกลางแสงแดด พึงรู้ไว้ว่า ร่างกายของคุณตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเกิดกลุ่มโรคจากแดดเพิ่มรูปภาพ

หรือความร้อน ประกอบด้วย ตะคริวแดด เพลียแดด และลมแดด

เริ่มรู้จักกับ ตะคริวแดด อาการขั้นเบา แต่ก็นำความเจ็บปวดมายังกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณน่อง ต้นขา ไหล่ และหลัง โดยเกิดจากการทำกิจกรมหรือออกกำลังกายกลางแดดจ้าเป็นระยะเวลานานจนมีเหงื่อออกมาก แต่ร่างกายกลับไม่ได้รับน้ำหรือเกลือแร่ทดแทนเหงื่อที่เสียไปในปริมาณที่เพียงพอ ส่งผลให้กล้ามเนื้อกระตุก มีอาการเกร็ง และเป็นตะคริว

ส่วนความอันตรายจากภัยร้อนที่หนักกว่าตะคริวแดด คือ เพลียแดด เพราะร่างกายสูญเสียน้ำมาก เหงื่อออกน้อยจนเกิดอาการปวดศีรษะ รู้สึกมึนงง ร่วมกับคลื่นไส้ อาเจียน ชีพจรเบาแต่เร็ว ผิวหนังเย็นและชื้น บางรายมีอาการตะคริวแดดร่วมด้วย

และอาการซึ่งอันตรายที่สุด สามารถทำให้เสียชีวิตได้ คือ ลมแดด หรือฮีทสโตรก อุณหภูมิของร่างกายเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติเกิน 40 องศาเซลเซียส ผู้ป่วยจะรู้สึกกระหายน้ำมาก ตัวร้อนจัด เพ้อหรือหมดสติ ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตลดลง ช็อค ผิวหนังแห้งและร้อน ระดับความรู้สึกตัวจะลดลง การทำงานของอวัยวะต่างๆ ล้มเหลว กระสับกระส่าย เอะอะ ก้าวร้าว หมดสติ เกร็ง ชัก ไม่มีเหงื่อออก

สาเหตุที่ร่างกายเกิดภาวะฮีทสโตรกเป็นเพราะขาดน้ำ ขาดเกลือแร่ ไม่สามารถระบายความร้อนออกจากร่างกายได้ทัน และส่งน้ำไปหล่อเลี้ยงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ได้

สำหรับผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงเกิด 3 อาการที่มากับสภาพอากาศสุดร้อน นอกจากจะเป็นผู้ที่ออกไปอยู่กลางแจ้งแล้ว คนอ้วน ที่มีไขมัยเป็นฉนวนความร้อนทำให้ร่ายกายระบายความร้อนได้ช้า เด็กและคนชรา ที่ร่างกายระบายความร้อนได้ไม่ดีเท่าคนหนุ่มสาว รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัวได้แก่ โรคความดันโลหิตสูงที่ต้องกินยาควบคุมความดัน เช่น ยาขับปัสสาวะ และผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ จัดเป็นกลุ่มที่ควรระมัดระวังไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ เกลือแร่ เป็นพิเศษ

colskys@hotmail.com

วิธีใช้สายตาที่ถูกต้อง


การใช้สายตามาก ๆ อาจเป็นอันตรายได้ วันนี้เรามีวิธีถนอมสายตาด้วยการใช้สายตาให้ถูกต้องมาบอก

1.อ่านหนังสือในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ และถือหนังสือห่างจากดวงตา ประมาณ 1 ฟุต ไม่ควรอ่านหนังสือเป็นเวลาติดต่อกันนานๆ ควรพักสายตาประมาณ 30-45 นาที เมื่อรู้สึกปวดเมื่อยตา
2.ดูโทรทัศน์ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ และควรนั่งห่างจากจอโทรทัศน์ ประมาณ 5 เท่าของขนาดโทรทัศน์
3.ไม่ควรจ้องมองพระอาทิตย์เป็นเวลานานๆ
4.ควรสวมแว่นตาทุกครั้งที่ต้องออกไปสัมผัสกับแสงแดด หรือขับขี่รถยนต์
5.หลีกเลี่ยงการมองหรือจ้องคลื่นแม่เหล็กจากเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เตาไมโครเวฟ เครื่องถ่ายเอกสาร ฯลฯ
6.เวลาที่เศษผงเข้าตา ห้ามขยี้ตาเด็ดขาด แต่ให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหรือหยอดน้ำยาล้างตาแทน
7.ทุกครั้งที่ลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำ ควรสวมใส่แว่นตาว่ายน้ำทุกครั้งเพื่อป้องกันคลอรีนหรือเศษผงเข้าตา
8.ควรระมัดเมื่อรู้สึกปวดเมื่อยตา ไม่ควรกดนวดดวงตา หรือกรอกดวงตาไปมา แต่ควรหลับตาประมาณ 20-30 นาที
9.ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหน้า แว่นตา ยาหยอดตา ร่วมกับผู้อื่น
10.ควรปิดไฟนอน เพื่อเป็นการพักสายตา และยังช่วยประหยัดไฟได้อีกด้วย
11.ในกรณีที่สารเคมีเข้าตา ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาด แล้วไปพบจักษุแพทย์โดยด่วน
12.ควรไปตรวจวัดสายตาเป็นประจำ อย่างน้อยปีละครั้ง
ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันดูได้ เพื่อสายตาที่ดีของเรา.

อาหารที่ช่วยลดคอเลสเตอรอล


ใครที่รู้ตัวว่าคอเลสเตอรอลสูงเกินกำหนด วันนี้เรามีอาหารมาแนะนำที่จะช่วยลดคอเลสเตอรอลลงได้มาบอก
รับประทานปลาทะเลสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ช่วยให้หัวใจทำงานเป็นปกติ ป้องกันการจับตัวของเกร็ดเลือด ช่วยลดความดันโลหิต
รับประทานถั่วเมล็ดแห้งสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ช่วยลดแอลดีแอลคอเลสเตอรอล
รับประทานผักในตระกูลครูซิเฟอรัสทุกวัน ได้แก่ ผักคะน้า บร็อคโคลี ดอกกระหล่ำ แขนงผัก กะหล่ำปลี ผักกวางตุ้ง เป็นต้น
รับประทานผักที่มีสีสันต่างๆ และผลไม้ให้หลากหลายทุกวัน
รับประทานผลิตภัณฑ์ข้าวและธัญพืชไม่ขัดสีทุกวัน เช่น ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท เส้นหมี่ข้าวกล้อง ฯลฯ
ใช้น้ำมันเหล่านี้ในการทำอาหาร ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันรำข้าว
รับประทานผลิตภัณฑ์นมพร่องมันเนยหรือนมขาดไขมันแทนผลิตภัณฑ์นมเต็มไขมัน
ควบคุมปริมาณอาหารที่รับประทานแต่ละมื้อ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ไม่เกินวันละ 200 กรัม
รับประทานกระเทียมสดวันละ 1-11/2 หัว
เพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้คอเลสเตอรอลในร่างกายลดลงได้.

มะเขือเทศ สร้างภูมิคุ้มกันโรค

ร้อน ๆ แบบนี้ ต้องระวังตัวกันหน่อยทั้งกายและใจ เดี๋ยวโรคภัยไข้เจ็บจะถามหาเอาง่าย ๆ กินดี มีเครื่อง ดื่มเพื่อสุขภาพช่วย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค ไม่ให้ล้มป่วยได้ง่าย มาอัพเดท

ส่วนผสมหลัก
1.มะเขือเทศ 2 ถ้วย
2.ขึ้นฉ่าย 1 ถ้วย
3.ขิง 1 แง่งเล็ก
4.กระเทียม 3-4 กลีบ
5.ฮอร์สแรดิช 1/4 ถ้วย
6.แครอต 1 ถ้วย
ปรุงน้ำดื่มเพื่อสุขภาพ ด้วยการฝานมะเขือเทศเป็นแว่นบาง ๆ ขิงและกระเทียมบุบพอแตก ซอยเป็นชิ้นเล็ก ๆ หั่น ผักชีฝรั่งและฮอร์สแรดิชหยาบ ๆ แครอตขูดเป็นเส้นเล็ก ๆ นำส่วนผสมทั้งหมดไปสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ เติมน้ำแข็งป่นเพื่อเพิ่มความสดชื่น ดื่มได้ทันที
อิ่มอร่อยกันแล้ว มารู้ประโยชน์กันสักนิด มะเขือเทศ เป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงระบบย่อยอาหาร ขึ้นฉ่าย ช่วยลดความดันโลหิต บำรุงสมอง ขิง ช่วยขับเหงื่อ ขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ กระเทียม เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง แครอต มีซัลเฟอร์และคลอรีนที่จำเป็นต่อการทำความสะอาดเนื้อเยื่อ มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียลิสทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของอาหารเป็นพิษ และ ฮอร์สแรดิช พืชตระกูลผักกาดหัว มีต้นกำเนิดจากป่าในยุโรปตะวันออกและเอเชียตะวันตก สรรพคุณทางยา ใช้ขับเสมหะ บรรเทาภูมิแพ้ ไข้หวัดใหญ่ แก้ปัญหาโรคทางเดินหายใจ ไซนัส แก้ไข้ ขับปัสสาวะ ช่วยแก้โรคที่เกิดกับกระเพาะปัสสาวะ และขับระดู
อร่อยแล้วสุขภาพดี เครื่องดื่มนี้ท้าให้ลอง

เคล็ดลับแต่งหน้าให้ดูอ่อนกว่าวัย

ใครที่อยากแต่งหน้าให้ดูอ่อนกว่าวัย วันนี้เรามีเคล็ดลับมาฝาก
1.ยกหางตาด้วยการเปลี่ยนทรงคิ้ว ให้กันคิ้วในลักษณะโก่งจะทำให้ใบหน้าเฉี่ยวขึ้น แล้วใช้อายแชโดว์ชนิดฝุ่นเขียนคิ้วแทนดินสอที่เคยใช้อยู่ เพื่อให้คิ้วนุ่มนวลดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น และอาจปรับเฉดสีคิ้วให้อ่อนลง 1-2 เฉด จะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนหวานขึ้น
2.ใช้คอนซีลเลอร์อำพรางจุดบกพร่องและริ้วรอย เลือกชนิดเนื้อครีมที่มีสีพื้นฐานเป็นสีพีชหรือสีเหลือง เพื่อขจัดปัญหาวงคล้ำเขียวหรือม่วงใต้ขอบตา หลีกเลี่ยงคอนซีลเลอร์ที่อ่อนกว่าสีผิวจริง เพราะอาจทำเกิดรอยด่างได้
3.ปัดแป้งทับรองพื้นอย่างเบาบางที่สุด เพื่อไม่ให้เนื้อแป้งลงไปฝังตามร่องผิวเผยให้เห็นรอยมากกว่าเดิม
4.ใช้บลัชออนชนิดครีมแทนฝุ่น เพื่อให้ดูเนียนเป็นธรรมชาติ และไม่ให้เนื้อฝุ่นลงไปฝังตามร่องเช่นเดียวกัน
5.เลือกทาปากด้วยเฉดสีอ่อน และเพื่อให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม ให้แตะลิปกลอสสีอ่อนใสตรงกึ่งกลางริมฝีปากล่าง
6.เลือกใช้รองพื้นที่อุดมไปด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ และในเวลาที่ไม่ได้ทารองพื้นอย่าลืมทาครีมบำรุงที่ช่วยเติมความชุ่มชื่นและความสดใสให้กับผิวพรรณด้วย พยายามใช้รองพื้นในปริมาณที่น้อยและเฉพาะบริเวณที่ต้องการปกปิดเท่านั้น และอย่าทาบริเวณที่มีริ้วรอย
เพียงเท่านี้ก็จะทำให้หน้าดูอ่อนกว่าวัยแล้ว.