วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด การแผ่เมตตานี้ พุทธบริษัทได้ประพฤติปฏิบัติหลังจากการไหว้พระสวดมนต์ เจริญจิตภาวนาแล้ว เพื่อเป็นการแสดงความรัก ความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสงบสุขร่มเย็น หรือแสดงให้เห็นถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เอื้ออาทร มีมิตรไมตรีทางด้านจิตใจซึ่งกันและกัน โดยระลึกไว้อยู่ในใจเสมอว่า ถ้าบุคคลใดประสบความทุกข์ โศกโรคภัยพิบัติอัตคัดด้วยประการใดก็ตาม ก็ขอให้บุคคลเหล่านั้น ผ่านพ้นทุกข์ภัยนั้น ๆ โดยเร็วพลัน หรือถ้ามีความสุขความเจริญอยู่เป็นปกติแล้ว ก็ขอให้มีความสุขความสมหวังมากยิ่ง ๆ ขึ้นไป เมตตาธรรมจึงเป็นคุณธรรมของผู้มีจิตใจสูงยิ่งด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความเอื้ออาทรแก่ผู้อื่นอยู่เนืองนิตย์ ปราศจากความมุ่งร้ายทำลายชีวิตซึ่งกันและกัน งดเว้นการเบียดเบียนทั้งทางร่างกายและจิตใจหรือทรัพย์สิน ไม่ข่มเหงน้ำใจ ไม่แบ่งชนชั้น ตลอดจนละเว้นความอาฆาตพยาบาท หรือความอิจฉาริษยาด้วยประการทั้งปวง พระพุทธวรญาณ อดีตเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส กล่าวไว้ว่า คนที่มีพื้นฐานความเมตตากรุณาอยู่ในใจ กับคนที่มีความโหดร้ายริษยาเป็นพื้นอยู่ในใจ จะสังเกตดูได้จากใบหน้าจะมีความแตกต่างกันได้อย่างชัดเจนทีเดียว เพราะความริษยาพยาบาทนั้น จะทำให้บุคคลมีใบหน้าบูดบึ้ง ไม่มีเสน่ห์ เฉยเมย ไม่ยิ้มแย้ม ในทำนองเดียวกัน คนที่มีคุณธรรมจะมีใบหน้าแตกต่างออกไป ใบหน้านั้นจะยิ้มแย้มแจ่มใส แสดงให้เห็นถึงความหนักแน่นน่านับถือน่าสมาคม มีแววตาเมตตากรุณาฉายออกมาให้เห็นอย่างงดงาม สำหรับผู้ที่จะเจริญเมตตาธรรมควรปฏิบัติตามหลักการ ดังนี้ ๑. เจริญเมตตาให้ตนเองก่อน คือ ปรารถนาความสุขแก่ตนเองแล้วจึงเจริญถึงบิดามารดา ญาติพี่น้องและเพื่อน ๆ ๒. เจริญเมตตาให้คนที่เคยโกรธเคืองกันด้วยเรื่องเล็กน้อยแล้วค่อยถึงคนที่เป็นศัตรูกันจริง ๆ ๓. เจริญเมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ผู้เจริญเมตตาอยู่เป็นประจำ จนมีจิตใจมั่นในเมตตาธรรม มีเมตตาเป็นคุณธรรมประจำใจ ย่อมได้รับอานิสงส์หรือผลดี ๑๑ ประการ คือ หลับก็เป็นสุข ตื่นก็เป็นสุข ไม่ฝันร้าย . เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย เทวดาย่อมคุ้มครองรักษา ไม่ต้องภัยจากไฟ ยาพิษ หรือศัตราวุธ จิตเป็นสมาธิง่าย สีหน้าผ่องใส เมื่อจะตายใจก็สงบไม่หลงใหลไร้สติ และถ้ายังไม่บรรลุคุณพิเศษที่สูงกว่า ย่อมเข้าถึงพรหมโลก อานุภาพแห่งเมตตาธรรมนั้น นอกจากจะนำความร่มเย็นเป็นสุขมาสู่ตนเอง ครอบครัว สังคมและประเทศชาติแล้ว ยังสามารถทำให้บุคคลหรือสัตว์ที่เป็นศัตรูพยาบาทมาดร้าย ให้กลับกลายเป็นมิตรที่มีความรักปรารถนาดีต่อกัน ดังเช่นปรากฏในคาถาพาหุง บทที่สาม ซึ่งเป็นการประกาศชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า ความว่า สมัยที่พระพุทธเจ้าเสด็จออกบิณฑบาตพร้อมด้วยพระสงฆ์หมู่ใหญ่ เพื่อโปรดชาวเมืองราชคฤห์ พระเทวทัตสั่งให้ทหารของพระเจ้าอชาตศัตรูปล่อยช้างนาฬาคิรี ที่กำลังตกมันและ ดุร้ายยิ่งให้มาทำร้ายหมายปลงพระชนม์ชีพของพระพุทธเจ้า แต่ด้วยอานุภาพแห่งเมตตาบารมีของพระพุทธองค์ ทำให้ช้างหมดพยศ ซบตัวลงแทบพระยุคลบาทของพระศาสดา ในที่สุดก็กลายเป็นช้างที่เชื่อง เชื่อฟังง่ายและมีเมตตาต่อบุคคลทั่วไป เมตตาธรรมนี้ จึงเป็นธรรมาวุธที่พระพุทธองค์ทรงประทานให้พระสงฆ์สาวก ใช้เป็นเครื่องมือในการเผยแผ่พระพุทธศาสนามากว่า ๒,๕๐๐ ปี ซึ่งมวลมนุษยชาติได้รับคุณูปการอันใหญ่หลวงในทางจิตวิญญาณ ที่มีแต่ความเมตตากรุณาเพื่อนร่วมโลกด้วยดีเสมอมา มาบัดนี้โลกกำลังขาดแคลนน้ำใจ คือ ความเมตตากรุณา จึงได้ใช้อาวุธประหัตประหารกันและกัน สร้างความวุ่นวายทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นยากที่จะหลีกเลี่ยง โดยลืมว่าตนเองรักสุขเกลียดทุกข์ ผู้อื่นก็รักสุขเกลียดทุกข์เช่นเดียวกัน และเมื่อใด ผู้ไม่หวังดีต่อคนไทยในสามจังหวัดชายแดนภาตใต้ ได้ใช้เมตตาเป็นอาวุธแล้วย่อมจะมองมนุษย์เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข ก็จะไม่เบียดเบียนกันและกันทั้งทางร่างกายและจิตใจ เมื่อนั้น เมตตาธรรมก็จะทำหน้าที่ค้ำจุนประเทศไทย และค้ำจุนโลกใบนี้ให้มีแต่สันติภาพและสันติสุขตามที่ปรารถนาอย่างแน่นอน ที่มา.สาโรจน์ กาลศิริศิลป์