วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553


ประวัติศาสตร์การเมืองไทย ภาครัฐประหาร


ในประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองไทย ได้เกิดเหตุการณ์หลายอย่างขึ้น ทั้งที่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ พี่น้องคนไทยเข่นฆ่ากันเอง และแบบที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปในทางที่ดี

มีคนกล่าวไว้ว่า ในการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หากผู้กระทำเป็นผู้ชนะ เราก็จะเรียกว่า การรัฐประหาร แต่ถ้าแพ้ ก็จะถูกตราหน้าว่ากบฏ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การรัฐประหาร หมายถึง การเปลี่ยนแปลงอำนาจ หาใช่การเปลี่ยนแปลงการปกครองไม่ เพราะการปฏิวัติ หรือการผลัดแผ่นดินของประเทศไทย เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว คือ 24 มิถุนายน 2475 โดยคณะราษฎร

ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ.2475 โดยคณะราษฎรที่ทำการปฏิวัติการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นประชาธิปไตยได้เพียงปีเดียว ปีต่อมาวันที่ 20 มิถุนายน 2476 คณะราษฎรที่นำโดย พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา ได้ยึดอำนาจจากพระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรัฐมนตรีคนแรกของไทย นับเป็นการกระทำรัฐประหารครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ด้วยการเปลี่ยนรัฐบาลและยึดอำนาจภายในกลุ่มคณะราษฎรด้วยกันเอง

ต่อมาคณะนายทหารกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมี พลโทผิน ชุณหะวัณ เป็นหัวหน้าสำคัญ ได้เข้ายึดอำนาจรัฐบาล ซึ่งมีพลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ แล้วมอบให้นายควง อภัยวงศ์ เป็นนายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลต่อไป ขณะเดียวกัน ได้แต่งตั้ง จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นผู้บัญชาการทหารแห่งประเทศไทย การยึดอำนาจครั้งนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ รัฐประหาร 8 พฤศจิกายน 2490

วันที่ 6 เมษายน 2491 คณะนายทหารซึ่งทำรัฐประหารเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2490 ได้บังคับให้นายควง อภัยวงศ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วมอบให้จอมพล ป. พิบูลสงคราม เข้าดำรงตำแหน่งต่อไป และนำมาสู่ "กบฏเสนาธิการ" 1 ตุลาคม 2491 ซึ่งพลตรีสมบูรณ์ ศรานุชิต และพลตรีเนตร เขมะโยธิน เป็นหัวหน้าคณะนายทหารกลุ่มหนึ่ง วางแผนที่จะเข้ายึดอำนาจการปกครอง และปรับปรุงกองทัพจากความเสื่อมโทรม และได้ให้ทหารเข้าเล่นการเมืองต่อไป แต่รัฐบาลซึ่งมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ทราบแผนการ และจับกุมผู้คิดกบฏได้สำเร็จ

ในวันที่ 29 พฤศจิกายนของปีเดียวกัน จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ทำรัฐประหารยึดอำนาจตนเอง เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมเสียงข้างมากในรัฐสภาได้

ในยุคที่โลกตกอยู่ในภาวะสงครามเย็น และประเทศไทยเป็นยุคของอัศวินตำรวจ รัฐบาลที่ได้อำนาจมาจากการกระทำรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน 2490 นับเป็นรัฐบาลทหารที่ประกาศเดินหน้าดำเนินโยบายทำสงครามกับฝ่ายคอมมิวนิสต์อย่างเต็มที่ ด้วยการรื้อฟื้นกฎหมายคอมมิวนิสต์ 2495 และกวาดจับผู้มีความคิดเห็นแตกต่างจากรัฐบาลครั้งใหญ่ที่รู้จักกันในนาม "กบฏสันติภาพ" ในปี พ.ศ.2497

17 พฤศจิกายน 2514 จอมพลถนอม กิตติขจร ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทำการรัฐประหารตัวเอง ประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญ ยุบสภาผู้แทนราษฎร และจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ขึ้นทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ และให้ร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จภายในระยะเวลา 3 ปี

พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ และคณะนายทหารเข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ ปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน 6 ตุลาคม 2519 เนื่องจากเกิดการจลาจล และรัฐบาลพลเรือนในขณะนั้นยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้โดยทันที คณะปฏิวัติได้ประกาศให้มีการปฏิวัติการปกครอง และมอบให้นายธานินทร์ กรัยวิเชียร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งต่อมาพลเรือเอกสงัดก็ได้ทำการรัฐประหารรัฐบาลของนายธานินทร์ในวันที่ 20 ตุลาคม 2520

รัฐประหารชั่วโมงเดียวของ รสช.

การรัฐประหารที่อยู่ในความทรงจำอันแจ่มชัดของคนไทยที่สุด เห็นจะเป็นการรัฐประหารของคณะรสช. หรือคณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2534 ภายใต้การนำของพลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ เพราะผลพวงที่ติดตามมาจากการรัฐประหารครานั้นได้กลายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ทางการเมืองไทยโดยไม่มีใครคาดคิด

ภายหลังจากที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ประกาศจะนำ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก อดีตผู้บัญชาการทหารบกและรองนายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมอีกตำแหน่ง นับเป็นการจุดกระแสความไม่พอใจต่อทั้งกลุ่มนายทหารและนักการเมืองหลายฝ่าย

โดยกำหนดการเข้าเฝ้าคือเวลา 13.00 น. ของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 แต่ในคืนวันที่ 22 ก.พ. เวลาประมาณเที่ยงคืน ได้มีรายงานจากวิทยุข่ายสามยอดของกองปราบปรามรายงานว่า ‘ป.1’ อันหมายถึง พล.ต.ต.เสรี เตมียเวส ผู้บังคับการกองปราบได้เดินทางถึงหน่วยคอมมานโด ที่ซอยโชคชัย ลาดพร้าว และสั่งให้กองปราบเตรียมพร้อม เพราะมีข่าวว่าอาจมีการปฏิวัติเกิดขึ้น ทว่าภายหลังได้มีการแจ้งยกเลิกการเตรียมดังกล่าว เพราะตรวจสอบไม่พบความเคลื่อนไหวของหน่วยกำลังใดในคืนนั้น

และยังมีรายงานด้วยว่าในคืนดังกล่าวพล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ได้ไปรับประทานอาหารค่ำที่โรงแรมโอเรียนเต็ล ห้องใกล้เคียงกับที่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร และนายทหารระดับสูงจำนวนหนึ่ง ไปรับประทานอยู่ด้วยเช่นกัน โดยภายหลัง พล.อ.สุจินดา คราประยูร ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ว่า ใช้เวลาตัดสินใจเพียงแค่ชั่วโมงเดียว!

จากบทความ 1 ปี รสช. โดยวุฒิชาติ ชุ่มสนิท หรือบินหลา สันกาลาคีรี อดีตนักข่าวหนังสือพิมพ์ข่าวสดรายงานว่า เดิมทีทหารเตรียมการจะจับตัว พล.อ.ชาติชาย และพล.อ.อาทิตย์ ที่สนามบินกองทัพอากาศ (บน.6) ในเวลา 19.30 น. ภายหลังจากการเข้าเฝ้า พร้อมกับการเคลื่อนกำลังทหารเข้ายึดจุดสำคัญทั่วกรุงเทพฯ แต่แผนกลับเปลี่ยนแปลงในเช้าวันนั้น

นายทหารที่ร่วมปฏิบัติการอันเป็นแผนที่เปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยไปตลอดกาล ในเวลา 11 นาฬิกาของเช้าวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 นั้น ส่วนใหญ่เป็นทหารอากาศ เมื่อ พล.อ.ชาติชาย และพล.อ.อาทิตย์ เดินทางถึงห้องรับรองพร้อมหน่วยรักษาความปลอดภัยประมาณ 20 นาย ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบินซี 130 ที่จอดพร้อมอยู่แล้ว ทั้งสองได้ถูกแยกไปนั่งบริเวณที่นั่งวีไอพี ส่วนหน่วย รปภ.ถูกแยกไปอยู่ตอนท้ายเครื่อง

ทันทีที่เครื่องบินซี 130 เคลื่อนตัว ทหารสองนายในชุดซาฟารีสีน้ำตาลก็กระชากปืนพกจากเอว ควบคุม รปภ.ทั้ง 20 คนเอาไว้ เครื่องบินลดความเร็วลง พล.อ.ชาติชายถูกควบคุมตัว การปฏิบัติการเป็นไปตามแผนที่วางไว้ การปฏิวัติสำเร็จแล้ว !

จากนั้น ทหารบกจำนวน 2 กองทัพได้เคลื่อนออกประจำจุดต่างๆ ที่กำหนดไว้ พล.อ.เกษตร โรจนนิล ออกจากกองทัพอากาศ สมทบกับ พล.อ.สุจินดา คราประยูร พล.ร.อ.ประพัฒน์ กฤษณจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ออกแถลงการณ์กับประชาชน โดยให้เหตุผลในการยึดอำนาจครั้งนั้นว่า เนื่องจากพฤติการณ์ฉ้อราษฎร์บังหลวงของคณะผู้บริหารประเทศ ที่แสวงหาผลประโยชน์แก่ตัวเองและพวกพ้อง อีกทั้งข้าราชการการเมืองบางคนยังได้ใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงข้าราชการประจำผู้ซื่อสัตย์สุจริต ผู้ไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือนักการเมือง ประการต่อมาคือรัฐบาลกระทำตัวเป็นเผด็จการรัฐสภา ทำลายสถาบันทางทหาร ซึ่งนับเป็นสถาบันข้าราชการประจำเพียงสถาบันเดียวที่ไม่ยอมตกอยู่ใต้อิทธิพลทางการเมือง และประการสุดท้ายที่ค่อนข้างจะเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงนั้น คือ การบิดเบือนคดีล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ !

เหตุดังกล่าวเนื่องมาจาก เมื่อปี 2525 พล.ต.มนูญ รูปขจร และพรรคพวก ได้บังอาจคบคิดวางแผนทำลายล้างราชวงศ์จักรีเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศไปสู่รูปแบบที่ตนเองและคณะได้กำหนดไว้ แต่ไม่สำเร็จและถูกจับกุมในที่สุด แต่กลับได้รับการช่วยเหลือจากผู้มีอิทธิพลทางการเมืองให้ได้รับการประกันตัวจนสามารถก่อความไม่สงบได้อีกถึง 3 ครั้ง ครั้งที่นับเป็นการกบฏคือ กบฏทหารนอกราชการเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2528

ซึ่งภายหลังจากการออกแถลงการณ์ดังกล่าว รสช. ก็เดินหน้ายึดทรัพย์นักการเมือง ทว่ารัฐบาลที่มีอายุเพียง 1 ปีของ รสช. ก็ต้องประสบกับอุปสรรคในการเรียกร้องรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยจากประชาชนที่ไม่ต้องการให้มีการให้ใช้ร่างรัฐธรรมนูญที่มีเนื้อหารับใช้การสืบทอดอำนาจของรัฐบาล รสช. อันนำมาสู่การชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองที่กลายเป็นชนวนเหตุของเหตุการณ์พฤษภาทมิฬในเวลาต่อมา

รัฐประหารที่เกิดขึ้นสดร้อนๆ บรรยากาศแห่งความอึมครึมเกิดขึ้นตลอดทั้งวันอังคารที่ 19 กันยายน และนับเป็นการปฏิวัติที่แปลกที่สุดในโลกเมื่อประชาชนพากันโทรศัพท์แจ้งข่าวกันตลอดทั้งวันว่า ทหารจะปฏิวัติ แต่สถานการณ์ก็ยังสับสนว่า ฝ่ายไหนจะเป็นผู้กระทำ จนกระทั่งเวลา 22.15 น. กลายเป็นฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ออกอากาศทางช่อง 9 อสมท. ประกาศภาวะฉุกเฉิน รัฐประหารตัวเอง มีคำสั่งปลด พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกออกจากตำแหน่ง พร้อมกับมีคำสั่งให้มารายงานตัวต่อ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการนายกรัฐมนตรี โดยได้แต่งตั้ง พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้รับผิดชอบในสถานการณ์ฉุกเฉิน

เวลา 22.30 น. ทหารจำนวนหนึ่งได้บุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล พร้อมด้วยรถถังประมาณ 10 คัน และรถฮัมวี่ 6 คัน กระจายกำลังเข้าควบคุมตามจุดต่างๆและให้ตำรวจสันติบาลและสื่อมวลชนออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยทหารทั้งหมดมีสัญญลักษณ์ปลอกแขนสีเหลือง

จนกระทั่งเวลา 23.00 น.คณะนายทหารภายใต้การนำของ พล.อ.สนธิ ผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้พล.ต.ประพาส ศกุนตนาถ ออกมาอ่านคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ฉบับที่ 1 ว่า ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครไว้ได้หมดแล้ว และไม่ได้มีการขัดขวางจากฝ่ายทหารที่สนับสนุนพ.ต.อ.ทักษิณจึงขอประชาชนให้ความร่วมมือ และนับเป็นประกาศคณะปฏิวัติที่สุภาพที่สุดด้วย เมื่อมีท้ายแถลงการณ์ด้วยว่า "ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ด้วย"

จากนั้นคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ได้ประกาศกฎอัยการศึกและยกเลิกคำสั่งประกาศภาวะฉุกเฉินของ พ.ต.ท.ทักษิณพร้อมเข้าเฝ้ากราบบังคมทูลรายงานสถานการณ์ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน

ทั้งนี้มีรายงานว่า หลังจากที่ประชาชนทราบเหตุการณ์ว่า ทหารได้ทำรัฐประหารซ้อนยึดอำนาจจากรัฐบาลทักษิณเรียบร้อยแล้ว ประชาชนจำนวนมากได้ออกจากบ้านมาแสดงความยินดี เช่นเดียวกับประชาชนที่ใช้รถสัญจรผ่านไปมาตามเส้นทางที่มีรถถังตั้งอยู่ได้ลงจากรถมาโบกมือ ไชโยโห่ร้องให้กับทหาร พร้อมทั้งขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้นจะนิยมการถ่ายรูปคู่กับทหารเป็นอย่างมาก ส่วนสถานการณ์ใกล้กับบ้านจันทร์ส่องหล้าของพ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงนั้น ทั้งบริเวณปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 และ 71 และรวมไปทั้งซอยจรัสลาภ ถนนสิรินธร มีทหารจาก ร.1 พัน 1 รอ.ประมาณ 30 นาย สวมชุดพรางอาวุธครบมือ พร้อมรถยีเอ็มซีจอดอยู่ ได้ตั้งจุดตรวจโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมตรวจด้วยอีกซอยละ 2 นาย พร้อมกันไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปด้านใน

จากนั้นคณะปฏิรูปฯได้ออกมาแถลงการณ์ออกมาเป็นระยะๆ ถึงความจำเป็นในการเข้ายึดอำนาจเนื่องจากรัฐบาลทักษิณได้สร้างความแตกแยกขึ้นในบ้านเมือง มีการทุจริตประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง หน่วยงาน องค์กรอิสระ ถูกครอบงำทางการเมือง ไม่สามารถสนองตอบเจตนารมณ์ตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ทำให้การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเกิดปัญหาและอุปสรรคหลายประการ ตลอดจนหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่เคารพเทิดทูนของปวงชนชาวไทยอยู่บ่อยครั้ง

นอกจากนั้นคณะปฏิรูปฯได้ประกาศจะให้มีการปฏิรูปการเมืองเกิดขึ้นโดยเร็ว พร้อมเรียกร้องให้นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ซึ่งเป็นพลังบริสุทธิ์ ร่วมเสนอแนวทางการพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมายังสำนักงานเลขานุการกองทัพบก

colskys@hotmail.com

4 นายกฯ 4 ยุคการสูญเสีย (ชีวิต)


จอมพลถนอม กิตติขจร - พล.อ.สุจินดา คราประยูร - สมชาย วงศ์สวัสดิ์ - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทยตั้งแต่ปี 2475 เกิดเหตุการณ์ให้ประวัติศาสตร์ต้องบันทึกไว้หลายต่อหลายเหตุการณ์ มีทั้งการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี และ เหตุการณ์ที่เลวร้ายสุดๆ ที่ไม่มีใครอยากเกิดขึ้นเลย โดยเฉพาะเหตุการณ์การต่อสู้ทางการเมือง ที่อ้างถึง "ประชาธิปไตย" ต่อสู้ ชุมนุม ยืดเยื้อ กระทั่งมีการปราบปรามจนมี "คนไทย" บาดเจ็บ ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก

ท่ามกลางการบริหารประเทศของผู้นำสูงสุดของไทย มีทั้งคนที่เห็นด้วย ชื่นชม ทำตาม ขัดแย้ง ต่อต้าน ไม่ปฏิบัติตาม เป็นธรรมดาการทำงานในบรรยากาศชื่นชมที่เป็นไปอย่างราบรื่น แต่หลายต่อหลายครั้งการบริหารประเทศภายใต้บริบทที่ปกคลุมไปด้วยความขัดแย้ง รุนแรง ต้องจบลงด้วยความสูญเสีย ที่ยากจะลืมลง

"14 ตุลา" ยุค จอมพลถนอม กิตติขจร

เริ่มมาจากการที่ จอมพลถนอม กิตติขจร ทำการรัฐประหารตัวเองในวันที่ 17 พ.ย. 14 เหตุการณ์ครั้งนั้นนักศึกษา และ ประชาชนมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจตนเองจากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และ จอมพลประภาส จารุเสถียร บุคคลสำคัญในรัฐบาล ก็ไม่ได้รับการยอมรับเหมือนจอมพลถนอม แต่กลับต่ออายุราชการให้ตัวเอง ประกอบกับการทุจริตคอร์รัปชั่นจำนวนมาก สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชน เป็นอย่างมาก กระทั่งวันที่ 6 ต.ค. 14 มีบุคคล 100 คน เช่น นักวิชาการ นักการเมือง นักคิด นักเขียน นิสิต นักศึกษา เป็นต้น ร่วมลงชื่อร้องขอรัฐธรรมนูญ

จากนั้นนักศึกษาได้เดินแจกใบปลิวเรียก ร้องรัฐธรรมนูญตามสถานที่ต่างๆในกรุงเทพมหานคร ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมประชาชน และ นักศึกษา ด้วยข้อหา "คอมมิวนิสต์" และ ถูกเรียกขานว่าเป็น "ขบถรัฐธรรมนูญ" สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งให้แก่ นักศึกษา ประชาชนอย่างมาก นำไปสู่การชุมนุมใหญ่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ยื่นคำขาดให้ทางรัฐบาลปล่อยตัวทั้งหมด แต่เมื่อถึงเวลาแล้วรัฐบาลก็กระทำการเดินขบวนครั้งใหญ่จึงเริ่มต้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ตามถนนราชดำเนิน สู่ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยมีแกนนำเป็นนักศึกษาและมีประชาชนเข้าร่วมด้วยจำนวนมาก นำไปสู่การนองเลือดในเช้าตรู่วันที่ 14 ต.ค. เกิดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน จึงเกิดการปะทะกันกลายเป็นการจลาจล เฮลิคอปเตอร์ยิงปืนลงมาเพื่อสลายการชุมนุม

เหตุการณ์ยังไม่สงบลงง่ายๆ โดยกลุ่มทหารได้เปิดฉากยิงเข้าใส่นักศึกษาและ ประชาชนอีกครั้ง นักศึกษาพยายามพุ่งรถบัสที่ไม่มีคนขับเข้าใส่สถานีตำรวจ ที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ประกาศท้าทายกฎอัยการศึก ประกาศว่าจะอยู่ที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย กระทั่งวันที่ 15 ต.ค. ได้มีประกาศว่า จอมพลถนอม จอมพลประภาส และ พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร ได้เดินทางออกนอกประเทศแล้ว เหตุการณ์จึงค่อยสงบลง

เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 หรือ วันมหาวิปโยค เป็นเหตุการณ์ที่นักศึกษาและประชาชนในประเทศไทย มากกว่า 500,000 คน โดยในเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 77 ราย บาดเจ็บ 857 ราย และสูญหายอีกจำนวนมาก

"35 พฤษภาทมิฬ" ยุค พล.อ. สุจินดา คราประยูร

การรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร นำไปสู่การเคลื่อนไหวคัดค้าน ต่อต้านของประชาชนอย่างกว้างขวาง เนื่องจากมองว่า เป็นการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) โดยการอดอาหารของ ร.ต. ฉลาด วรฉัตร และ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง หัวหน้าพรรคพลังธรรม ในขณะนั้น สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย และการสนับสนุนของพรรคฝ่ายค้าน ประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเอกภาพ พรรคความหวังใหม่และพรรคพลังธรรม มีข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง และเสนอให้ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง

การชุมนุมยืดเยื้อตั้งแต่เดือน เม.ย. 35 แต่ช่วงที่มีการปะทะกันรุนแรงในช่วงวันที่ 17-20 พ.ค. โดยวันที่ 17 พ.ค. มีการเคลื่อนขบวนประชาชนจากสนามหลวงไปยังหน้าทำเนียบรัฐบาล ตำรวจและทหารได้สกัดการเคลื่อนขบวน จึงก่อให้เกิดการปะทะกันระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีการบุกเผาสถานีตำรวจ กระทั่งในวันที่ 18 พ.ค. รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงเทพมหานคร และให้ทหารทำหน้าที่รักษาความสงบ แต่ได้นำไปสู่การปะทะกันกับประชาชน มีการใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ชุมนุมในบริเวณถนนราชดำเนินจากนั้นจึงเข้าสลาย และได้ควบคุมตัว พล.ต. จำลอง และยืนยันว่าไม่มีการเสียชีวิตของประชาชน แต่การชุมนุมต่อต้านของประชาชนยังไม่สิ้นสุด เริ่มมีประชาชนออกมาชุมนุมอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ทั่วกรุงเทพ จนวันที่ 19 พ.ค. เจ้าหน้าที่เริ่มเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณถนนราชดำเนินกลางได้ และควบคุมตัวประชาชนจำนวนมากขึ้นรถบรรทุกทหารไปควบคุมไว้ จนเหตุการณ์บานปลายรุนแรง

วันพุธที่ 20 พ.ค. 35 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรี และ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีและรัฐบุรุษ นำพลเอกสุจินดา และ พลตรี จำลอง เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท โอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระราชดำรัสแก่คณะผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ พลเอก สุจินดา จึงกราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ มอบหมายให้ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ รองนายกรัฐมนตรี รักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปพลางก่อน

เหตุการณ์ที่ประชาชนเคลื่อนไหวประท้วงดังกล่าวนำไปสู่เหตุการณ์ปราบปรามและปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกับประชาชนผู้ชุมนุม มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

"7 ตุลาวิปโยค" ยุคนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

17 ก.ย. 51 ทายาทการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน รักษาการหัวหน้าพรรค ได้รับการเลือกจากสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ของประเทศไทย ต่อจากนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ท่ามกลางกระแสคัดค้านว่าเป็นนอมินี เป็นสายตรง และ การทำงานต่างๆ ยังคงสืบทอดอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เต็มรูปแบบจนทำให้ประชาชน นำโดยกลุ่มพันมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีการชุมนุมคัดค้านรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2548

กระทั่ง วันที่ 7 ต.ค. 2551 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรุ่นที่ 2 นำมวลชน ชุมนุมต่อเนื่องหน้ารัฐสภา เพื่อไม่ให้รัฐบาลนายสมชาย แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาและ ได้มีการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยตำรวจอ้างว่าใช้เพียงแก๊สน้ำตาแบบยิง แก๊สน้ำตาแบบขว้างและโล่ ขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯมีการใช้ ขวดน้ำ และหิน ปะทะกันจนถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 คน และ บาดเจ็บจำนวนกว่า 443 คน 
พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบเหตุการณ์ครั้งนี้และ ต่อมารัฐบาลนายสมชาย ถูกตัดสินคดีจนทำให้พรรคพลังประชาชน ที่นายสมชาย เป็นหัวหน้าพรรคถูกศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินยุบ ทำให้นายสมชาย หมดสภาพโดยทันที แต่เหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองยังไม่จบสิ้น

"สงกรานต์เลือด"-"พฤษภาเดือด" ยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ภายหลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 51 กลุ่มผู้ต่อต้านคัดค้านที่้ชื่อว่า "กลุ่มคนเสื้อแดง" ได้มีการต่อต้านประท้วงอย่างทันที โดยเริ่มจากการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงและเคลื่อนขบวนมาปักหลักชุมนุมอย่างยืดเยื้อบนถนนรอบทำเนียบรัฐบาล เรียกร้อง 1. พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ต้องพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี
 2. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
 3. การบริหารราชการแผ่นดินดำเนินไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การปรับปรุงใดๆ ให้ดีขึ้นตามหลักสากล ต้องมีการปรึกษาหารือกันระหว่างนักประชาธิปไตยผู้มีประวัติและพฤติกรรมเชิดชูระบอบประชาธิปไตยเป็นที่ประจักษ์
 ซึ่งแกนนำคนเสื้อแดงได้เรียกร้องให้เวลา 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้น จะมีการยกระดับการชุมนุม หลังพ้นกำหนด 24 ชั่วโมงตามที่ได้เรียกร้อง ผู้ชุมนุมเสื้อแดงได้ทยอยเดินทางชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ และปิดกั้นถนนสำคัญหลายสาย เช่น ถนนรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

กระทั่งวันที่ 11 เม.ย. 52 มีการบุกเข้าไปในโรงแรมรอยัล คลีฟ บีช รีสอร์ท และขัดขวางการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ได้ทำการปิดถนนตามแยกต่าง ๆ ภายในกรุงเทพมหานคร ต่อมารัฐบาลได้ประกาศพระราชบัญญัติบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานครและใกล้เคียง หลังจากที่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในระหว่างมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ต่อมาวันที่ 14 เม.ย. 52 กำลังทหารและตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตา กระสุนจริงและกระสุนฝึกหัดเข้าสลายการชุมนุมที่บริเวณแยกดินแดง

จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 70 คนแกนนำประกาศยุติการชุมนุมบนถนนรอบทำเนียบรัฐบาลเพื่อป้องกันการสูญเสียที่จะเพิ่มขึ้นจากการปราบปรามของรัฐบาล จากนั้นแกนนำ 5 คน คือ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายแพทย์เหวง โตจิราการ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายสุพร อัตถาวงศ์ได้เข้ามอบตัวต่อ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนับเป็นการยุติเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าว

กระทั่ง มีการรวมกลุ่มใหม่ของแกนนำรุ่น 2 โดยใช้ฤกษ์พฤษภาทมิฬ 17-20 พ.ค.แต่ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นเพียงการชุมนุมเป็นครั้งครา ต่อมาได้มีการประกาศชุมนุมใหญ่โดยปักหลักที่บริเวณผ่านฟ้าลีลาศ ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.53 และขยายไปตั้งเวทีใหญ่ที่สี่แยกราชประสงค์ แต่รัฐบาลเห็นว่ามีการชุมนุมกันเป็นเวลานาน และ กระทำผิดกฎหมายร้ายแรง เป็นที่มาของการ "ขอคืนพื้นที่" 10 เม.ย.จนเป็นเหตุทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง ต่อเนื่องมาวันที่ 19 เม.ย. รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ นำกำลังทหารเข้าสลายการชุมนุม จนแกนนำต้องประกาศสลายการชุมนุม เดินทางไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นครั้งที่ 2

ซึ่งการปฏิบัติการ ระหว่างวันที่ 10 เม.ย. และ 19 พ.ค. ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน กรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) ได้รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้นกว่า 80 ราย บาดเจ็บทั้งส้ินกว่า 1.3 พันคน

ภาวนาและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเหตุการณ์การสูญเสียครั้งที่ผ่านๆ มาจะเป็นบทเรียน อุทาหรณ์สุดท้ายให้กับคนไทยทุกคน (ย้ำว่าทุกคน) ที่จะช่วยไม่ให้ชาติบ้านเมืองติดหล่ม "ประชาธิปไตย" จนเกิดเป็นโศกนาฏกรรมทางการเมือง

colskys@hotmail.com

วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เสธ.แดง ...ที่คือเรื่องจริงที่ไม่มีคัยรู้ หรือ เรื่องที่คุณ vihok อยากให้เสธ แดงเป็นคนดีตอนตายไปแล้ว?‏


ได้มา เลยอยากทุกคนได้อ่าน
เสธ.แดง ...ที่คือเรื่องจริงที่ไม่มีคัยรู้ หรือ เรื่องที่คุณ vihok อยากให้เสธ แดงเป็นคนดีตอนตายไปแล้ว?
Share
Today at 09:42
คุณูปการของ เสธแดง ที่หลายคนอาจจะคลางแคลงใจ แต่มั่นใจเถอะ เสธแดง คือทหารของพระเจ้าแผ่นดินตัวจริง ที่สละชีพเพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ยอมโดนคนด่า ยอมเป็นคนเลวในสายตาประชาชน หากที่จริงแล้ว เสียสละทั้งครอบครัวทั้งชีวิต

ทั้งหมดจากคุณ Vihok นะครับ ที่เหลือก็สุดแต่แล้ววิจารณญาณทุกท่านครับ
แจ้ง"นายอินทร์"ร่วมกันแพร่ข่าวเส ธ.แดงให้โลกรู้ เพื่อให้เขาเป็นวีรชนอย่างสมเกียรติ และเพื่อหยุด การใช้ศพเสธ.แดงมาปลุกแดงฆ่า ทหาร....
@pookemประวัติศาสตร์ ไทยต้องจารึกเสธ.แดงมิใช่แค่ทหารแต่เขาคือ"วีรบุรุษ"ที่เสียสละตัวเองเพื่อ แฝงตัวอยู่ในเหล่าทรราชของแผ่นดินเขานั้นรักในหลวง
เคยสังเกตุไหม ! วันนี้การต่อสู้เกิดขึ้นระหว่างคนเอาเจ้ากับไม่เอาเจ้า แต่เวปไซค์เสธ.แดงมีภาพในหลวงทรงรถัง นั้นหมายถึงเขาเอาสถาบันมาโดยตลอด...
ประวัติ เสธ.แดง เป็นทหารติดตามของไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฯพรรคประชาธิปัติย์ เขียนนส.โจมตีแม้วมาตลอด
เคยสังเกตุไหม ! ทุกครั้งที่เสธ.แดงบอกว่าจะเกิดระเบิด มันก็เกิด ทุกคนคิดเพียงว่าเขาทำ ทั้งที่ "คนพูดไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้พูด"
เคยสังเกตุไหม ! เสธ.แดงเสี่ยงที่จะบุกไปทุกจุดที่แม้วอยู่ เพื่อถ่ายภาพนำหลักฐานมาแฉ แล้วปท.นั้นๆก็จะไล่แม้วทุกครั้ง มิใช่ ฤา
เคยสังเกตุไหม ! เสธ.แดง เอาลูกคนเดียวที่รักที่สุดมาเป็นตัวประกันไว้ที่พธม.ขณะชุมนุม และตัวเองต้องเสียสละเพื่อชาติไปเป็นไส้ศึก....
RT @poj_t พี่โต้งคิดว่ารัฐบาลและศอฉจะคิดถึงเสธแดงในแง่เดียวกับพี่หรือเปล่า // @vihok พยัคฆ์ เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วครับ
RT @ifew:อย่าบอกว่าเสธแดงเป็นไส้ศึกoะครับ?!?! // @vihok นั้นคือสาเหตุที่แม้วต้องยิงทิ้ง
RT @sivaporn_yuu:งั้นเสธ.แดง เป็นหนึ่งในนายอินทร์ด้วยสิคะ พอแม้วรู้เลยสั่งเก็บ // @vihok หัวใจคือความลับ
RT @janoinarak:แล้วถ้าเข้าถึงตัวทักษิณได้ เสธแดงจะเป็นไส้ศึกทำไมให้เสียเวลาครับ // @vihok "ในเรามีเขา ในเขามีเรา"
RT @poj_t @ifew เรื่องเสธแดงนี่ลับลวงพรางสุดๆ//@vihok ชัยชนะของแผนคือการปกปิด
RT @taweekunฟังคุณวิหคเล่าแล้วทำให้นึกถึง จิงเคอมือสังหารจิ๋นซี// @vihok ใช่ครับ อดทน อดกลั่น แฝงตัว
RT @ThaiShortNews RT @wannasiri_tv: "ทหารเข้ามาที่นี่ไม่ได้หรอก" เสียงสุดท้ายในชีวิตของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล (โธมัส ฟุลเลอร์ สัมภาษณ์)
RT @wannasiri_tv: คุณกฤษณะ เคยสัมภาษณ์น้องเดียร์ กับเสธ.แดง น้องเดียร์ว่า "เวลาไปชุมนุมก็โทรหากันตลอด ชอบแหย่พ่อ เอามือตบไปแกล้งตีพ่อ"
RT @wannasiri_tv: กฤษณะล้วงลูก เคยพาไป'ห้องนอนเสธ.แดง' นอกจากรูปถ่ายภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้ว ห้องนี้ยังเต็มไปด้วยตุ๊กตาที่เสธ.แดงสะสม
RT @ThekornZA อ่านทวิตเตอร์ของคุณเสธ.แดงคือไส้ศึกให้รัฐบาล เอ้า! เรื่องกลับตาลปัตรหรือไงครับ!!?// @vihok นี้คือสงครามที่ต้องมีไส้ศึกมิแปลก
RT @sukeng คุณโต้ง แล้วทำไมลูกน้องเสธแดงยังป่วนเมืองให้แม้วอยู่อีกละคะ?//@vihok ถ้าไม่มีเสธแดงคุม ไว้ ป่านนี่พิธีเผาพระโกฎพระพี่นางคงทำไม่ได้
จำได้ไหม ! งานพระราชพิธีพระพี่นางที่สนามหลวง ขณะที่แดงเริ่มประกาศล้มเจ้า เสธ.แดงมิใช่เหรอ ที่คอยเฝ้าจุดทำพิธี กันคนทำลาย...
การเมือง ก็คือสงคราม การเมืองไทยมันลึกซึ้ง...สลับซับซ้อน... บางคนอาจจะเรียกกรณีเสธ.แดงว่าลับลวงพราง แต่ผมขอเรียกว่า"วีรชน"
แล้วหลังจากนี้ ! เขาก็จะเอากรณีเสธแดงตาย มาปลุกระดมปชช.ให้มาฆ่าทหาร ถ้าต้องการหยุด... ต้องแพร่ความจริงเรื่องเสธ.แดงให้โลกรับรู้....
RT @aehlive:แล้วทำไมตอนเปิดทางให้ รพ.จุฬา เสธ.แดงถึงไม่ยอมคะ // @vihok เขามิใช้เหรอที่คุมแดงไว้ให้พระเทพเสด็จเข้าจุฬา เคยคิดไหม...
RT @jarusarunhad:มีคนวางแผนจะทำลายงานพระราชพิธีเลยรึครับ // @vihok ก็วันนี้สู้กันระหว่างคนเอาเจ้ากับไม่เอาเจ้ามิใช่เหรอครับ...
RT @Garcon2020: เสียงสุดท้าย"ทหารเข้ามาที่นี่ไม่ได้หรอก"//@vihok ลองคิด ย้อน เขามิใช่เหรอคอยบอกแผนว่าแดงจะทำอะไรทุกครั้งเช่นกัน...
RT @iBabe: สรุป เสธ.แดงแฝงตัวไปเพื่อช่วยชาติหรือครับ งี๊คนที่ฆ่าเสธ.แดงเป็นใครกันแน่พี่โต้ง//@vihok เมื่อเขารู้ว่าเป็นไส้ก็รอโอกาส ยิงทิ้ง..
RT @Garcon2020: แต่ก็เป็นไปได้ที่เสธแดงเป็นคนเอาเจ้า แต่ไม่เอารัฐบาลนี้ก็ได้นะครับ//@vihok เขาคือเลขาไตรรงค์ มิใช่ ฤา
RT @tiogail: เรื่องเสธ.แดง คือพี่รู้มาตั้งแต่แรกเลยเหรอคะ //@vihok ครับ
RT @PingJune:สรุปว่า เสธ.แดง ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เหรอคะ// @vihok ไม่ผิดครับ..
ผมเคยย้ำ ! บอกพวกเรา"นายอินทร์ ผู้ปืดทองหลังพระ" มานานว่า สงครามมิได้เอาชนะด้วยศาสตราวุธแต่เอาชนะด้วยสติปัญญา....
RT @jarusarunhad: ถ้าเช่นนั้นเสธแดงคือนายพลที่กล้ายิ่งกว่ากล้าของกองทัพไทยครับ //@vihok มิผิดดอก...
RT @Garcon2020: ขอถามเล่น ๆ ครับว่าถ้าเสธแดงยังอยู่ สถานการณตอนนี้หน้าจะเป็นอย่างไงครับ//@vihok มันคงจบไวขึ้นครับ
RT @iBabe:พี่โต้งครับ แล้วทำไมถึงมีข่าวเสธ.แดงจะยื้อม๊อบต่อไปถ้าสามเกลอลงอ่ะครับ// @vihok ถ้าสลายผกค .ก็จะกระจาย ซุกปัญหาไว้ใต้พรหม
RT @janoinarak: แล้ว ผบ.ทบ. ลับลวงพรางหรือไม่อย่างไรครับ //@vihok เขาเพื่อนเสธแดงครับ....
RT @tutornano: ขอถามนะคะท่านนายกทราบทุกเรื่องใช่ไหมคะ? //@vihok :ไม่ทุกเรื่อง แต่กรณีเสธแดง ทราบครับ
RT @GeorgePrachaya: ถึงว่าถามเรื่อง เสธ.แดง พี่ไม่ขอพูดถึง //@vihok ครับ
RT @iBabe: แสดงว่าเสธ.แทรกซึมเข้าไปเพื่อบอกความเคลื่อนไหวใช่ไม๊ครับ แล้วทำไมเขาไม่สื่อถึงทหารโดยตรงล่ะครับ//@vihok มันลึกกว่านั้น
RT @mataskii: RT : แล้วไมต้องยิง M79 ใส่ม๊อบ พธม.คะ //@vihok เขายิง เพราะต้องการให้หวาดกลัวแล้วสลาย แต่พธม.เขานักสู้..
RT @tutornano ::ขอถามอีคำถามนะคะตกลงว่าแม้วยังมีชีวิตอยู่และส่ังการตลอด? //@vihok จอดเครื่องไว้ฮ่องกงตัวอยู่สิงคโปร..
RT @Garcon2020: โทษครับ เหวง กับ เมธี ตอนไหนครับ //@vihok เหวงเคยร่วมกับพธม. เมธีฝั่นตัวหลังเวทีพธม.ตลอดครับ...
RT @aehlive: แล้วทำไมเสธ.แดงถึงฝึกกองทัพพระเจ้าตากและการ์ด นปช.คะ //@vihok ไว้คุมครองพระราชพิธีสนามหลวงครับ
RT @ie_pf: เสธแดงไปพลาดตรงไหน ทักสินถึงรุ้ แล้วทำไมกล้ายิงต่อหน้านักข่าว//@vihok ถ่ายรูป แฉแผน ประกาศตั้งแกนนำรุ่น2
RT @GeorgePrachayaแล้วทำไมหลังที่เสธ.แดงพูดว่า จะมีการระเบิดที่ไหน ทำไมไม่มีการป้องกันครับ// @vihok มันยากที่จะป้องกัน
RT @thanawan_zz: ไม่น่าพลาดเลย ท่านเสธ.แดง ทำไมทักษิณ ถึงได้ใจคอโหดจังเลย//@vihok ถล่มใต้ทุกวันคิดว่าใครทำ...
RT @Garcon2020:เลว จริง ๆ ภาคใต้นี่ก็เพราะมันหรอ เลวเหนือคำบรรยายจริง ๆ สำหรับคนๆนี้// @vihok วันนอฯอยู่พรรคไหนหละ

RT @Deer_Sophieที่เสธแดงยื้อให้แดงชุมนุมต่อ ก็เพื่อเรียกซึนามิมาล้างให้สิ้นซากสิคะ//: @vihok มิผิดครับ

RT @tutornano: ซึนามิคือข่าวร้าย หลังจากนั้นจะเหมือนเดิม? //@vihok : ขยะมันมากแล้ว เขาคงต้องทำความสะอาด เราแค่ผู้ชม

มันยากที่เจะเชื่อ ! ว่าเสธแดงคือ"วีระชน" เมื่อถึงเวลาความจริงจะปรากฎ

RT @Jirapat911:มีคนบอกว่า เสธ.แดงถูกใบสั่งจากนักธุรกิจแถบรปส. โดย import นักฆ่าจากเมืองนอกจริงเปล่าคะ??// @vihok คนไทยฆ่าสั่งจากนอก

RT @GeorgePrachaya:แม้วเป็นคนไปด่าโจรภาคใต้ แล้วมีคดีมัสยิดกือเซะอีก แล้วทำไมโจรภาคใต้ไปช่วยแม้ว// @vihok วันนอฯอยู่พรรคไหนครับ

RT @sukeng: คุณโต้ง หากเสร็จภาระกิจ นายกและกองทัพจะสดุดีเสธแดง และให้คนไทยรู้ความจริงไหมคะ?//@vihok แน่นอน

RT @NuchChaBa: ต้องรบกวนคุณวิหค เขียนเรื่องราวดีๆของท่านผู้นี้ ที่หลับชั่วนิรันดร์,เรื่องต่างที่คนทั่วไปไม่รู้ //@vihokครับ

RT @natpikit:ถ้าอย่างนั้นทำไมรัฐบาลไม่ออกมาประกาศเรื่องเสธ.แดงเลยล่ะครับ// @vihok กำลังช่วยเขาทำนี้ไงครับ

RT @iinGFahh: แล้วยังมีอย่างคุนเสธแดงอยุในดงแดงอีกป่าวคะ//@vihok. เฟียบ

เป็นธรรมชาติ ที่คนฝั่งพธม.จะต้องรู้สึกชังเสธ.แดง และมิผิดที่ยากจะให้เข้าใจว่า เขาคือ"วีรชน"แห่งกองทัพไทย...

RT @iinGFahh: แล้วแม้วจะรู้มั๊ยคะ กลัวถูกสอยเหมือนคุนเสธแดง //@vihok. กรรมใครใครก่อ กรรมนั้นจะคืนสนอง...

RT @chackinthehat: ถ้าเสธแดงเป็นอย่างที่คุณโต้งว่าไว้จริง ดิฉันคงต้องเกลียดตัวเองไปตลอดชีวิต //@vihok ถ้าไม่เกลียดเขาซิจะทำให้เขาทำงานลำบาก

RT @auuee:เรื่องเสธ.แดงพี่รู้จริงหรือว่าปะติดปะต่อ วิเคราะห์เอาเองคะ// @vihok ไม่ได้เดา ไม่ได้ทาย ไม่ได้วิเคราะห์ แต่มันเรื่องจริง

RT @iamnopparat:แล้วรัฐบาลทราบนานหรือยังครับว่า เสธ.แดง เป็น Spy หรือ มีคนในกองทัพเพียงไม่กี่คนที่รู้// @vihok ใช่ครับ

RT @tutornano:เราเผยแพร่ข่าวสารนี้ได้แค่ไหนคะ? // @vihok : ถ้ามต้องการหยุดแดงเอาศพเสธแดงไปปลุกคน ควรเผยแพร่ครับ

RT @auuee: ไม่ได้เดา ไม่ได้ทาย ไม่ได้วิเคราะห์ แต่มันเร่ื่องจริง//หมายถึงเสธ.แดงบอกพี่เอาไว้หรือคะ //@vihok ทหารเสื่อพระราชา

RT @dia_diadia:แม่บอกว่านายกคือคนที่เสียสละมากที่สุด อย่างทีพี่บอกเลย // @vihok มิผิด เขาจะเป็นฮีโร่...

หากอยากรู้ว่าเราเป็นใคร พวกเราคือ "ทหารเสือพระราชา" นายอินทร์ ผู้ปิดทองหลังพระ ทำความดีเพื่อความดี http://bit.ly/9RCdCd

RT @tiogail:นี่คือแผนของใครคะ เสธ.แดงเอง กองทัพ หรือรัฐบาล // @Vihok กองทัพแห่งผู้ภักดี

แปลกไหม ! พวกเราที่นี้ปกป้องราชาอยู่แนวหน้าเจ็บตายจำนวนมาก ไม่ได้เป็นญาติเสธแดง มาเปิดเผย นั้นแสดงว่า"วีรชน"ต้องควรยกย่อง...

RT @pukmoo:คนตปทสั่งเก็บเสธแดง เพราะต้องการสร้างสถานการณ์ป้ายสีรบ. หรือรู้ว่าเป็นไส้ศึกคะ// @vihok ทั้ง2สาเหตุ ปลุกคนสู่ตปท.ต่อต้านรบ.

RT @tiogail: RT @vihok: RT @tiogail:นี่คือแผนของใครคะเสธ.แดงเอง กองทัพ หรือรัฐบาล//งั้นหมายความว่ารัฐบาลก็ไม่รู้เรื่องนี้เหรอคะ/ @Vihok รู้

หน่วย BSC. คือองค์กรลับ สมัยสงครามโลกครั้งที่2 ที่สามารถกำหนดยุทธศาสตร์ให้สัมพันธมิตร สามารถเอาชนะฮิดเลอร์ ทำให้โลกสงบในที่สุด

ในหลวง ได้แปลเรื่องราวของเขาเหล่านั้น และขนานนามเขาเหล่านั้นว่า "นายอินทร์ ผู้ปิดทองหลังพระ"

RT @Kitanjali: RT อีกอย่างถ้าเสธแดงเป็นไส้ศึกแล้วจะอธิบายเรื่อง M79 ว่าอย่างไร?//@vihok: เขาคอยเตือน

RT @tiogail: แล้วทำไมนายกถึงบอกว่าเสธ.แดงคือคนที่ไม่เอาปรองดองล่ะคะ หรือว่านี่ก็คือแผนอีก//@vihok เนียนไหมครับ

RT @jarusarunhad: ผมพอเข้าใจแล้วทำไมเสธแดงถึงต้องใส่ชุดทหารตลอดเวลาแกพร้อมตายในหน้าที่และเครื่องแบบตลอดเวลาแกอยู่แนวหน้ามาตลอด//@vihok มิผิด

RT @PingRobby: RT @vihok: RT @Kitanjali: RT: อีกอย่างถ้าเสธแดงเป็นไส้ศึกแล้ว M79 ว่าอย่างไร?// เขาคอยเตือน //ตกลงเสธแดงเป็นคนดี/ @vihokดีมาก

RT @tiogail: มาก ๆ ค่ะ แล้วนายกหรือกองทัพจะออกมาบอกความจริงนี้มั้ยคะ //@vihok เมื่เวลาเหมาะสม

RT @jumbolife9: ผมเริ่มเข้าใจแล้ว แต่สงสัยประการเดียว ทำไมเสธ.แดงต้องยิง สนธิ ลิ้ม //@vihok เขาไม่ได้ยิง เพราะเขาไม่มีกำลัง มีแต่ใจสู้

RT @KV99: รูปถ่ายคู่ออกอากาศที่ดูไบ เสธ. เอาเสียอยู่หมัดเลย //@vihok ใช่ครับ

RT @PuiFaiCM:แล้วใครยิง // @vihok เด็กแม้วม ทีมพล.อ.พรชัย

RT @sivaporn_yuu:วันนั้นเฮียลิ้ม เขาบอกเหมือนว่าเสธ.แดงรู้ว่าใครสั่งยิงเขา // @vihok คนใกล้มักสับสนในเหตุการณ์ คนไกลมักแจ้ง

RT @noojaree:สนธิ ลิ้ม รู้เรื่องเสธแดงมั้ยคะ // @vihok ไม่ครับ

RT @savadeeaey: แล้วทำไมเสธแดงต้องไปซื้อบ้านไว้ที่่ต่างประเทศล่ะคะ //@vihok ข่าวลือครับ

RT @dia_diadia:ก่อนโดนยิงเสธแดงรู้มั้ยว่าโดนแน่? // @vihok ข้อดีคือ เขากล้า บ้าบิ่น

RT @HookBB: RT @vihok: RT @jumbolife9: ทำไมเสธ.แดงต้องยิง สนธิ ลิ้ม //เขาไม่ได้ยิง เพราะเขาไม่มีกำลัง มีแต่ใจสู้/แล้วใครยิงครับ/@vihokทีมญาติแม้ว

ถ้าคุณรักชาติ ศาสตร์กษัตริย์ จงเชื่อมั่นในทหารเสือพระราชา นำข่าวเสธแดงวีรชะไปแพร่ แดงจะสับสน ทหารจะฮึกเหิมช่วยชาติ.....

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ผมหงอกยิ่งถอนยิ่งขึ้นจริงหรือไม่


เชื่อหรือไม่ว่าการถอนผมหงอกจะทำให้ยิ่งมีผมหงอกเพิ่มมากขึ้น วันนี้เรามีคำตอบในเรื่องนี้มาฝาก

ความเชื่อในเรื่องของการถอนผมหงอกแล้วจะยิ่งทำให้ผมหงอกขึ้นจนทั่วศีรษะ ความจริงแล้วรากผม 1 เส้น จะสร้างผมได้ 1 เส้น ต่อให้ตัดหรือถอนก็ไม่สามารถทำให้เส้นผมเพิ่มขึ้นได้ เพราะเส้นผมหงอกที่ถูกถอนหนึ่งเส้นจะไม่สามารถสร้างผมหงอกขึ้นมาได้อีก ดังนั้น การที่ยิ่งถอนยิ่งหงอก จึงเป็นไม่เป็นความจริง แต่ผมหงอกที่เพิ่มขึ้น คงจะมาจากปัจจัยอื่นมากกว่า

การป้องกัน ก่อนที่จะหงอกก่อนวัย ควรดูแลผมให้ดกดำด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์จากวิตามินบี ,ไบโอติน และสังกะสี เช่น งาดำ, ข้าวกล้อง, ตับหมู, ปลาเนื้อขาว และแครอท เป็นต้น หรือถ้าหงอกมากแล้วไม่สบายใจ ควรเลือกการย้อมผมดำแทนก็ได้

รู้อย่างนี้แล้ว หันมาดูแลไม่ให้มีผมหงอกก่อนวัยกันจะดีกว่า.

colskys@hotmail.com

วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วิธีเข้าเว็บไซต์ ที่โดน ICT สั่งปิด


อยู่ๆ วันหนึ่ง เว็บที่เคยใช้ก็โดนปิดไปซะงั้น เข้าไม่ได้ ไม่ต้องตกใจcolskysช่วยคุณได้

1.เข้า Google แล้วกดหัวมุมบนซ้าย ที่ แปลภาษา
2.แล้วพิมชื่อเว็บไซต์ที่ถูกสั่งปิด ลงในช่องแปลภาษา
3.กดแปลภาษา
4.หากต้องการภาษาต้นฉบับ กดปุ่มเลือก ต้นฉบับ
5.แค่นี้ ก็เสร็จ คุณอยากปิดเว็บกูก็ปิดไป ตามสะบาย
6.คำถาม ?? พวกคุณกล้าปิดเว็บ Google หรือเปล่าล่ะ


colskys@hotmail.com

วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

มาเรียนภาษาอังกฤษกันเถอะคลิ๊กเลย


ตามลิงค์นี้มาเลยครับ
http://www.ziddu.com/download/9923705/00_Introduction.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9923712/H001.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9923709/H002.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9923710/H003.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9923708/H004.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9923706/H005.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9923707/H006.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9923704/H007.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9923703/H008.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9923711/H009.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9924728/H010.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9924725/H011.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9924729/H012.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9924727/H013.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9924732/H014.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9924726/H015.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9924730/H016.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9924731/H017.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9924723/H018.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9924724/H019.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9927724/H020.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9927726/H021.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9927729/H022.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9927731/H023.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9927723/H024.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9927725/H025.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9927728/H026.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9927730/H027.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9927732/H028.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9927727/H029.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9928577/H030.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9928578/H031.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9928579/H032.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9928580/H033.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9928581/H034.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9928574/H035.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9928575/H036.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9928572/H037.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9928573/H038.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9928576/H039.mp3.html
http://www.ziddu.com/download/9929077/H040.mp3.html



รัชกาลที่ ๑ผู้สถาปนาราชวงศ์จักรีด้วยชีวิตของกษัตริย์ผู้กู้ชาติ


เมื่อรัชกาลที่ ๑ ย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่กรุงเทพแล้ว ก็พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเองไม่มีข้อบกพร่อง ไม่เคยกระทำสิ่งใดผิดพลาด เป็นเอกบุรุษที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยบุญญาบารมีและบริสุทธิ์กว่าผู้อื่นทั้งแผ่นดิน เพื่อให้สมกับที่ตนเองได้เป็นพระโพธิสัตว์และเทวดาแล้ว โดยเสแสร้งทำเป็นลืมไปว่า ในโลกแห่งความเป็นจริงพระองค์มิได้วิเศษกว่าบุคคลอื่น ตรงที่เป็นมนุษย์เดินดินกินข้าวแกงเหมือนกัน และที่สำคัญทำเป็นจำไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้พระองค์ก็เป็นสามัญชน ที่มิได้มีเลือดสีน้ำเงิน แม้พ่อจะได้ชื่อว่าเป็นขุนนาง ก็จัดอยู่ในชั้นปลายแถว แม่ก็เป็นเพียงหญิงเชื้อสายจีนพ่อค้า(๑) มิได้เลิศเลอไปกว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่ตนเหยียดหยามเป็นไพร่ราบพลเลวเลย

จุดบอดที่รัชกาลที่ ๑ เห็นว่าสร้างความอัปยศให้แก่ตนเองมากคือ ความปราชัยในการรบกับอะแซหวุ่นกี้ที่พิษณุโลก ในรัชกาลพระเจ้าตากสิน การรบคราวนั้นศาสตราจารย์ขจร สุขพานิช สรุปจากพงศาวดารที่แต่งโดย Sir Arther Phayreและจากจดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวี น้องสาวรัชกาลที่ ๑ เอง ได้ความว่า แม้อะแซหวุ่นกี้รบชนะเมืองพิษณุโลกที่มีรัชกาลที่ ๑ เป็นแม่ทัพฝ่ายไทย แต่ก็ถูกกองทัพของพระเจ้าตากสินหนุนเนื่องขึ้นมาโจมตีจนแตกพ่ายยับเยิน จดหมายเหตุความทรงจำกรมหลวงนรินทรเทวี (เพิ่งถูกค้นพบสมัยร.๕) บันทึกว่าฝ่ายไทยสามารถ “จับได้พม่าแม่ทัพใหญ่ ได้พม่าหลายหมื่น พม่าแตกเลิกทัพหนีไป”หลักฐานฝ่ายพม่าก็ปรากฏว่า อะแซหวุ่นกี้ถึงกับถูกกษัตริย์พม่าถอดจากยศ “หวุ่นกี้” และเนรเทศไปอยู่ที่เมืองจักกายด้วยความอัปยศอดสู(๒) ทั้งที่อะแซหวุ่นกี้เคยได้รับการยกย่องในฐานะวีรบุรุษที่รบชนะกองทัพจีนมาแล้วก็ตามหลังจากที่ปราบดาภิเษกสำเร็จและปลงพระชนม์พระเจ้าตากสินรวมทั้งขุนนางฝ่ายตรงข้ามไปกว่า ๕๐ ชีวิตแล้ว คราใดที่ระลึกถึงเหตุการณ์ที่เมืองพิษณุโลก หัวใจก็เหมือนถูกชโลมด้วยยาพิษ ใจหนึ่งนั้นแสนจะอัปยศอดสูที่ต้องล่าทัพหนีพม่า อีกด้านก็ริษยาพระเจ้าตากสินที่สามารถปราบกองทัพพม่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสมัยกรุงธนบุรี และกำหราบอะแซหวุ่นกี้ที่เอาชนะทั้งกองทัพจีนและพระองค์มาแล้ว

พระองค์จึงใช้เล่ห์เพทุบายบังคับให้อาลักษณ์แก้ไขประวัติศาสตร์ทุกฉบับ บิดเบือนว่าอะแซหวุ่นกี้มิได้รบกับพระเจ้าตากสิน แต่ต้องถอยทัพไป เพราะกษัตริย์พม่ามีหมายเรียกตัวกลับบ้าน(๓) พงศาวดารฉบับราชหัตถเลขาถึงกับบิดเบือนว่า พออะแซหวุ่นกี้กลับพม่า ก็ได้รับบำเหน็จรางวัลจากกษัตริย์พม่าในฐานะที่ปราบหัวเมืองเหนือของไทยได้สำเร็จ(๔) เพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่าอะแซหวุ่นกี้นั้นมิใช่ย่อยๆ หาไม่แล้วที่ไหนเลยจะเอาชนะรัชกาลที่ ๑ ได้ จึงมิใช่เรื่องอับอายเลยที่รัชกาลที่ ๑ รบแพ้อะแซหวุ่นกี้พงศาวดารฉบับพระนพรัตน์ถึงกับบันทึกไว้อย่างน่าขบขันว่า รัชกาลที่ ๑ ได้สำแดงความเป็นเสนาธิการชั้นเซียนเหยียบเมฆ ด้วยการแต่งอุบายให้เอาพิณพาทย์ขึ้นตีบนกำแพงลวงพม่าเหมือนขงเบ้ง ตีขิมลวงสุมาอี้ในเรื่องสามก๊ก แล้วรัชกาลที่ ๑ ก็ชิงโอกาสตีแหกทัพพม่าที่ล้อมเมืองพิษณุโลกหนีออกมาได้ ก็ขนาดเรื่องใหญ่เช่นนี้รัชกาลที่ ๑ ยังกล้าให้อาลักษณ์บิดเบือนกันถึงเพียงนี้ ทำนองเดียวกับเหตุการณ์ที่อะแซหวุ่นกี้ขอดูตัวเจ้าพระยาจักรีนั้น ก็กล่าวได้ว่าเป็นความเท็จอีกเช่นกัน เพราะจะมีแม่ทัพชาติไหนกันที่จะขอดูตัวแม่ทัพอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อสรรเสริญว่า เก่งกาจสามารถเป็นเยี่ยม เนื่องจากการทำเช่นนี้ย่อมทำลายขวัญสู้รบของทหารฝ่ายตนให้พังพินท์ไปอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์วิจารณ์ไว้ชัดเจนว่า “ถ้าจะมองจากกฎหมายของไทยและพม่าแล้ว ถ้าพระยาจักรีและอะแซหวุ่นกี้เจรจากันดังที่ศักดินาจักรีอวดอ้างแล้ว ทั้ง ๒ ฝ่ายน่าจะมีความผิดถึงขั้นขบถเลยทีเดียว(๕) ทั้งนี้เป็นไปตามกฎมณเฑียรบาล กฎหมายตราสามดวงที่ว่า อนึ่ง ผู้ใดไปคบหาxxxเมืองxxxxราชทูตเจรจาโทษถึงตาย”สำหรับเรื่องที่มีผู้รู้เห็นมากมาย

รัชกาลที่ ๑ ยังกล้าใช้ให้อาลักษณ์แต่งพงศาวดารกลับดำให้เป็นขาว ดังนั้นสิ่งที่เป็นเรื่องส่วนตัวไม่มีผู้อื่นรู้เห็นด้วย เช่น เรื่องของซินแสหัวร่อ ทำนายว่า พระยาจักรีกับพระยาตากสินจะได้เป็นกษัตริย์นั้นจึงวินิจฉัยได้ไม่ยากว่า เป็นสิ่งที่รัชกาลที่ ๑ เสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาเอง ซึ่งพวกศักดินาจักรีจะอ้างไม่ได้ว่าเรื่องนี้เกิดจากคำเล่าลือของคนรุ่นหลัง เพราะรัชกาลที่ ๑ เองนั่นแหละที่เป็นผู้ออกปากเล่าความให้เจ้าเวียงจันทร์กับพระยานครศรีธรรมราชฟังในวัดพระแก้ว จนกระทั่งมีผู้ได้ยินได้ฟังด้วยกันหลายคน(๖) การที่รัชกาลที่ ๑ กล้าโป้ปดมดเท็จถึงเพียงนี้ ก็เพราะพระองค์กำลังอยู่บนบัลลังก์เลือดของกษัตริย์องค์ก่อน จึงต้องล่อลวงให้ผู้อื่นเข้าใจว่า พระองค์มีพระปรีชาสามารถเป็นเลิศ มีปัญญาอภินิหารกว่าผู้อื่นในแผ่นดินรวมทั้งพระเจ้าตากสินด้วย นี่เป็นการพยายามสร้างเหตุผลเพื่อรับรองว่า การปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์องค์ใหม่เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดภายในจิตใจลึกๆของสองพี่น้อง คือรัชกาลที่ ๑ กับกรมราชวังบวรมหาสุรสีหนาถ มีทั้งความพยาบาทชิงชังและความไม่พอใจในตัวพระเจ้าตากสินไม่น้อย ทั้งที่พระเจ้าตากสินได้ทำนุบำรุงให้พี่น้องคู่นี้มีอำนาจวาสนากว่าขุนนางทั้งหลายในกรุงธนบุรี ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากว่า กรมพระราชวังบวรฯนั้น เคยถูกพระเจ้าตากสินโบยถึง ๖๐ ทีเพราะมีพฤติกรรมซุ่มซ่าม คลานเข้าถึงตัวพระเจ้าตากสินขณะกรรมฐานอยู่ที่ตำหนักแพ กับสมเด็จพระวันรัตน์(ทองอยู่) โดยมิได้ตรัสเรียก(๗) กรมพระราชวังบวรฯจึงมีจิตอาฆาตแค้นเป็นหนักหนาส่วนรัชกาลที่ ๑ ก็เคยถูกพระเจ้าตากสินโบยถึง ๒ ครั้ง คราวแรกในปี ๒๓๑๓ เพราะรัชกาลที่ ๑ รบกับเจ้าพระฝางด้วยความย่อหย่อนไม่สมกับที่เป็นขุนนางใหญ่ จึงถูกโบย ๓๐ ที(๘) และในปี ๒๓๑๘ รัชกาลที่ ๑ ได้รับคำสั่งให้ทำเมรุเผาชนนีของพระเจ้าตากสิน แต่เมรุนั้นถูกฝนชะเอากระดาษปิดทองที่ปิดเมรุร่วงหลุดลงหมดสิ้น พระเจ้าตากจึงว่า “เจ้าไม่เอาใจใส่ในราชการ ทำมักง่ายให้เมรุเป็นเช่นนี้ดีแล้วหรือ” ทำให้รัชกาลที่ ๑ ถูกโบยอีก ๕๐ ที

ความสัมพันธ์ระหว่างรัชกาลที่ ๑ กับพระเจ้าตากสิน มิได้สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ รัชกาลที่ ๑ ได้ถวายบุตรสาวเป็นสนมของพระเจ้าตากสิน ซึ่งศาสตราจารย์ขจร สุขพานิช ตั้งข้อสังเกตว่า สนมพระเจ้าตากสินผู้หนึ่งที่ถูกประหารชีวิตเพราะมีชู้ ก็น่าจะเป็นบุตรสาวของรัชกาลที่ ๑ นี่เอง(๙) ด้วยเหตุนี้ รัชกาลที่ ๑ จึงเคียดแค้นพระเจ้าตากสินมาก เมื่อมีโอกาสคราใดก็จะประณามอย่างตรงไปตรงมา คราวหนึ่งถึงกับประณามไว้ในสารตราตั้งเจ้าพระยานครศรีธรรมราช เมื่อ พ.ศ.๒๓๒๗ เพื่อประจานพระเจ้าตากสินว่าเป็นผู้ที่ “กอรปไปด้วย โมหะ โลภะ” (๑๐) ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ยืนยันว่า พระเจ้าตากสินเป็นผู้นำในการรวบรวมผู้คนที่แตกระส่ำระสาย ในภาวะที่บ้านเมืองไม่มีขื่อแป อดอยาก และพม่าเข้ากวาดต้อนข่มเหงผู้คนไปทั่ว รวบรวมกำลังทีละน้อยรบกับพม่าและคนไทยขายชาติบางกลุ่ม รบกันหลายสิบครั้ง ผลัดแพ้ผลัดชนะ จนสุดท้ายมีกำลังปราบพวกพม่าและชิงกรุงศรีอยุธยากลับคืนมาได้ จากนั้นก็ปราบก๊กต่างๆจนสามารถรวบรวมเป็นประเทศได้อีกครั้งหนึ่ง นี่ย่อมหมายความว่า พระเจ้าตากสินต้องมีบุคลิกของความเป็นผู้นำ มีลักษณะรักชาติ กอรปด้วยจิตใจที่กล้าหาญดีงาม จึงจะสามารถเป็นศูนย์รวมของชาวไทยในภาวะบ้านแตกสาแหรกขาด จนสามารถนำชาวไทยไปกอบกู้บ้านเมืองได้สำเร็จในช่วงเวลาเพียงปีเดียวนอกจากนั้นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เช่น เอกสารของบาทหลวงสมัยนั้นกล่าวว่า พระเจ้าตากมีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ แม้แต่ปราสาทราชวังหลังเดียวก็ไม่ปรากฏขึ้นในกรุงธนบุรี อนุสรณ์ที่พระเจ้าตากสินสร้างไว้เป็นเพียงท้องพระโรงที่พระราชวังเดิม ซึ่งดูๆไปก็ไม่วิจิตรพิสดารไปกว่าโบสถ์ขนาดย่อมหลังหนึ่ง จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะวินิจฉัยเอาเองว่า ใครกันแน่ที่กอรปด้วยโลภะ โมหะหลังจากรัชกาลที่ ๑ ได้ผลิตผลงานชิ้นเอกด้วยการปลอมแปลงประวัติศาสตร์ของชาติแล้ว พระองค์ก็หันมาฟื้นฟูพุทธศาสนาครั้งใหญ่ โดยการแสดงตนเป็นพระโพธิสัตว์ผู้รู้แจ้ง ด้วยการกล่าวร้ายคณะสงฆ์ไทยอย่างสาดเสียเทเสีย เช่น หาว่า”ทั้งสมณะและสมเณรมิได้รักษาพระจตุบาริยสุทธิศีล” (๑๑) บ้าง “มิได้กระทำตามพระวินัยปรนิบัติเห็นแต่จะเลี้ยงชีวิตผิดธรรม” (๑๒) บ้าง นอกจากนี้ยังโมเมว่าพระภิกษุ “มิได้ระวังตักเตือนสั่งสอนกำกับว่ากล่าวกัน” (๑๓) บ้าง ทั้งๆที่สมัยพระเจ้าตากสินเพิ่งมีการฟื้นฟูพุทธศาสนาหลังภาวะสงครามครั้งใหญ่ และพระองค์ทรงส่งเสริมการปฏิบัติธรรมอย่างกว้างขวาง ด้วยพระองค์เองก็ทรงมั่นในวิปัสสนาธุระ สภาพของสงฆ์จึงอยู่ในกรอบพระธรรมวินัยได้เคร่งครัด ดังนั้นการกล่าวร้ายจึงไม่อาจมองเป็นอื่นไปได้ นอกจากการสร้างเรื่องเพื่อหาช่องทางเข้าไปควบคุมศาสนจักร เพื่อเสริมอำนาจการครองราชย์ของพระองค์ให้เข้มแข็งขึ้น จึงมีการควบคุมจิตสำนึกของสังคมด้วยการบีบบังคับพระภิกษุสงฆ์ส่วนใหญ่ ไม่ให้มีโอกาสคัดค้านการนำเอาพระพุทธศาสนา ไปกระทำปู้ยี่ปู้ยำเพื่อรับใช้ผลประโยชน์ของกษัตริย์จักรีพระมหากรุณาธิคุณของพระมหาราชองค์นี้ ในด้านการฟื้นฟูพุทธศาสนาคือ ให้ตำรวจวังไปเอาสมเด็จพระวันรัต(ทองอยู่) วัดบางหว้าใหญ่ ซึ่งเป็นพระอาจารย์วิปัสสนาธุระของพระเจ้าตากสินและเป็นพระอาจารย์ของลูกฟ้าฉิม (รัชกาลที่ ๒) ให้สึกออกแล้วลงพระราชอาญาเฆี่ยน ๑๐๐ ที และมีดำรัสให้ประหารชีวิตเสีย(๑๔) เพราะแค้นพระทัยมานานแต่ครั้งสมเด็จพระวันรัต เคยทูลให้พระเจ้าตากสินลงโทษ พระองค์เคราะห์ดีที่ลูกฟ้าฉิมทรงทูลขอไว้ชีวิตอาจารย์ของตนไว้ พระแก่ๆที่เคร่งในธรรมจึงได้รอดชีวิตมาอย่างหวุดหวิดการที่พระองค์ทรงบังอาจลงโทษด้วยการทำร้ายพระสงฆ์ชราผู้มั่นในโลกุตรธรรมอย่างรุนแรง นับเป็นพฤติกรรมที่ชั่วร้ายมาก อันชาวบ้านสามัญชนถือเป็นบาปมหันต์ ไม่น้อยกว่าการฆ่าบิดามารดาผู้บังเกิดเกล้า แต่ด้วยโมหะจริตที่พยาบาทอาฆาตมานาน และด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน ทุกสิ่งที่พระองค์กระทำ จึงเป็นความถูกต้องชอบธรรมทุกประการแต่เดิมนั้นกษัตริย์จะควบคุมสงฆ์ไว้เพียงระดับหนึ่ง แต่ในรัชกาลนี้ การควบคุมกลับเข้มงวดกว่าเดิม กษัตริย์จะให้ขุนนางในกรมสังฆการีมีอำนาจปกครองสงฆ์และเป็นผู้คัดเถระแต่ละรูปว่าควรอยู่ในสมณะศักดิ์ขั้นใด นอกจากนี้ยังให้กรมสังฆการีดูแลความประพฤติของสงฆ์และคอยตัดสินปัญหาเวลาที่พระภิกษุต้องอธิกรณ์ โดยจะเป็นทั้งอัยการและตุลาการ สิ่งนี้ทำให้กษัตริย์และกลุ่มคนดังกล่าวมีอำนาจเหนือพระ(๑๕) ในที่สุดคณะสงฆ์ไทยก็ต้องตกอยู่ภายใต้ภาวะที่น่าอเนจอนาถใจเพราะถูกครอบงำโดยพวกศักดินาจักรี อันเป็นฆราวาสซึ่งมีเพศที่ต่ำทรามกว่า บางครั้งถึงกับถูกควบคุมโดยพวกลักเพศ เช่นคราวหนึ่งคณะสงฆ์ทั้งอาณาจักร ต้องตกอยู่ใต้การปกครองของกรมหลวงรักษ์รณเรศ โอรสของรัชกาลที่ ๑ ซึ่งเป็นพวกลักเพศ ชอบมั่วสุมกับเด็กหนุ่มๆ แต่ได้รับการมอบหมายจากกษัตริย์ให้บังคับบัญชากรมสังฆการีแม้ว่ารัชกาลที่ ๑ รวมทั้งศักดินาอื่นจะถือตนว่าเป็นพระโพธิสัตว์และหน่อพุทธางกูร จนก้าวก่ายเข้าไปในศาสนจักรอย่างน่าเกลียด ก็มิอาจปกปิดธาตุแท้ที่โลภโมโทสันได้ พวกเขาต่างก็ปัดแข้งปัดขากันเองอุตลุต เพื่อแก่งแย่งอำนาจและผลประโยชน์ที่ได้มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างพวกศักดินาในรัชกาลที่ ๑ เกิดขึ้นระหว่างกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทหรือวังหน้ากับรัชกาลที่ ๑ หรือวังหลวง สองพี่น้องซึ่งต่างก็ไม่ยอมลดราวาศอกให้แก่กันและกัน คราวหนึ่งวังหน้าจะสร้างปราสาทมียอดขึ้นประดับเกียรติยศ ทั้งที่รู้ว่าปราสาทยอดเป็นของหวงห้ามไว้สำหรับกษัตริย์เท่านั้น ในปี ๒๓๒๖ จึงเกิดมีผู้ร้ายแปลกปลอมเข้าไปในวังหน้าจะฆ่ากรมพระราชวังบวรฯขณะทรงบาตร บังเอิญผู้ร้ายเหล่านี้ถูกจับได้เสียก่อน ซึ่งก็ปรากฏว่าเป็นคนในวังหลวงเป็นส่วนใหญ่(๑๖) วังหน้าจึงรู้ว่า “ที่พระองค์มาทรงสร้างปราสาทขึ้นในวังหน้า เห็นจะเกินวาสนาไป จึงมีเหตุ จึงโปรดให้งดการสร้างปราสาทนั้นเสีย” (๑๗) เหตุการณ์ได้รุนแรงยิ่งขึ้นหลังจากที่วังหน้าขอให้วังหลวง เพิ่มผลประโยชน์จากภาษีอากรให้วังหน้ามากกว่าเดิม แต่วังหลวงไม่ยินยอม วังหน้าจึงโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง จนไม่เข้าเฝ้ารัชกาลที่ ๑ พอถึง พ.ศ.๒๓๓๙ พวกวังหน้าได้เห็นขุนนางวังหลวงขนปืนใหญ่ขึ้นป้อม จึงตั้งปืนใหญ่หันไปทางวังหลวงบ้าง จนเกือบเกิดสงครามกลางเมือง ทำให้พี่สาวรัชกาลที่ ๑ ต้องเล้าโลมวังหน้าให้เข้าเฝ้า เหตุการณ์จึงสงบลงได้(๑๘)โดยพื้นฐานแล้วพวกวังหน้ามักดูถูกดูหมิ่นพวกวังหลวงว่าไม่เอาไหน สู้พวกตนไม่ได้เมื่อคราวทำสงครามที่เชียงใหม่ในปี ๒๓๓๙-๒๓๔๕ พวกขุนนางวังหลวงจึงถูกวังหน้าซึ่งเป็นแม่ทัพบริภาษติเตียนว่ารบไม่ได้เรื่อง(๑๙)พอถึงปี ๒๓๔๔ วังหน้าป่วยหนักด้วยโรคนิ่ว อาการกำเริบ จึงให้คนหามเสลี่ยงเดินรอบวังหน้า แล้วสาปแช่งว่า “ของใหญ่ของโตก็ดี ของกูสร้าง นานไป ใครไม่ใช่ลูกกู ถ้ามาเป็นเจ้าของเข้าครอบครอง ขอผีสางเทวดาจงดลบันดาล อย่าให้มีความสุข” (๒๐) เพราะทั้งนี้รู้อยู่เต็มอกว่าของเหล่านั้น “ต่อไปจะเป็นของท่านอื่น” (๒๑) ครั้นมาถึงวัดมหาธาตุ ทรงเรียกเทียนมาจุดxxxxxมาติดที่พระแสง แล้วเอาพระแสงจะแทงพระองค์ พระองค์เจ้าลำดวนและพระองค์เจ้าอินทปัต พระโอรสใหญ่ทั้งสองเข้าปลุกปล้ำแย่งชิงพระแสงไปได้ วังหน้าทรงกันแสงกับพื้นและตรัสว่า “สมบัติครั้งนี้ ข้าได้ทำสงครามกู้แผ่นดินขึ้นมาได้ก็เพราะข้านี่แหละ ไม่ควรให้สมบัติตกไปได้แก่ลูกหลานวังหลวง ใครมีสติปัญญาก็ให้เร่งคิดเอาเถิด”พอวังหน้าสวรรคต พวกวังหน้าจึงตั้งกองเกลี้ยกล่อมหาคนที่มีวิชาความรู้ฝึกปรืออาวุธกัน ทำนองจะเป็นกบฏ โดยมีพระองค์เจ้าลำดวนและอินทปัตเป็นหัวหน้า แต่เป็นคราวเคราะห์ดีของรัชกาลที่ ๑ ที่ความแตกก่อน จึงสามารถจับคนเหล่านี้ไปฆ่าจนหมดสิ้น(๒๒) ราชบังลังก์ของรัชกาลที่ ๑ จึงยังคงตั้งอยู่ได้บนคราบเลือดและซากศพของหลานตนเองหลังจากนั้นไม่นาน จะมีการประกอบราชพิธีกรรมทางศาสนา เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับพระอนุชาร่วมพระอุทร แต่รัชกาลที่ ๑ ทรงไม่หายกริ้วเรื่องอดีตถึงกับตรัสว่า “บุญมา เขามันรักลูกยิ่งกว่าแผ่นดิน ให้สติปัญญา ให้ลูกกำเริบถึงคิดร้ายต่อแผ่นดิน ผู้ใหญ่ไม่ดี ไม่อยากเผาผีเสียแล้ว” (๒๓) พวกเจ้าศักดินาไม่ว่าจะอยู่ระดับสูงหรือต่ำไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรือปัจจุบันต่างก็มีความคิดตื้นๆอยู่เสมอว่า ”ใครก็ตามที่คิดร้ายต่อข้า เขาผู้นั้นคิดร้ายต่อแผ่นดิน” เพราะพวกเขาคิดว่า แก่นแท้ของความถูกต้องก็คือตัวเขานั่นเองจะอย่างไรก็ตาม เหตุการณ์สุดท้ายที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๑ ซึ่งน่าจะหยิบยกขึ้นมากล่าวถึง เพื่อตัดสินว่ากษัตริย์เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินทั้งหลายนั้นมีศีลธรรมจรรยา สมกับที่ตั้งตนเองเป็นเทวดาและพระโพธิสัตว์ หรือไม่ ก็คือเรื่องคาวๆฉาวโฉ่ ที่สร้างรอยด่างให้กับราชสำนัก รัชกาลที่ ๑ ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากที่เจ้าฟ้าฉิม(ซึ่งต่อมาเป็นรัชกาลที่ ๒) เกิดมีจิตปฏิพัทธ์กับเจ้าฟ้าบุญรอดหลานสาวของรัชกาลที่ ๑ จนถึงขั้นลักลอบเสพสังวาสกันในพระบรมมหาราชวัง โดยไม่นึกถึงขนบธรรมเนียมของปู่ย่าตายาย ที่สั่งสอนให้สตรีไทยรักนวลสงวนตัวหนังสือขัตติยราชปฏิพัทธ์สมุดข่อยที่พวกศักดินาบันทึกไว้ ได้เปิดเผยว่าหลังจากที่เจ้าฟ้าบุญรอดท้องถึง ๔ เดือน ความจึงแตก เพราะเรื่องอย่างนี้ถึงอย่างไรก็ปิดไม่มิด(๒๔) เมื่อเหตุการณ์อันน่าอับอายขายหน้าของพวกเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินถูกเปิดเผยขึ้นมา รัชกาลที่ ๑ ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่หน่อพุทธางกูรกระทำการอุกอาจถึงในรั้ววังหลวง ซึ่งพวกศักดินาถือว่าศักดิ์สิทธิ์ จึงขับไล่เจ้าฟ้าบุญรอดออกไปจากวังหลวงทันทีที่รู้เรื่อง และห้ามไม่ให้เจ้าฟ้าฉิมเข้าเฝ้าอีกเป็นเวลานาน(๒๕) นับเป็นบุญของเจ้าฟ้าฉิมที่ไม่ถูกลงโทษมากกว่านี้ เพราะโอรสของรัชกาลที่ ๑ นี้เคยถูกราชอาญาของพ่อถึง ๓๐ ปี เพราะบังอาจไปหลงสวาทพี่สาวของตนเองเข้าให้(๒๖)
หลังกรุงศรีอยุธยาเสียกรุงแก่พม่าในปี พ.ศ.๒๓๑๐ พระเจ้าตากสินได้รวบรวมผู้คนและนักรบต่อสู้ขับไล่พม่าอย่างเด็ดเดี่ยวจนกอบกู้บ้านเมืองได้สำเร็จ จากนั้นก็ใช้เวลาอีก ๑๕ ปีกรำศึกสงครามรวบรวมหัวเมืองต่างๆที่กระจัดกระจาย ขณะเดียวก็ต้องทำศึกใหญ่กับพม่าหลายครั้ง จนสร้างความเป็นปึกแผ่นแก่บ้านเมือง พร้อมกับทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างขนานใหญ่ พระองค์เป็นพุทธบริษัทที่ดี เมื่อว่างเว้นจากราชการแผ่นดิน พระองค์จะไปทรงศีลบำเพ็ญพระกรรมฐานที่วัดบางยี่เรือเป็นนิจ(๑) ต่อมาในปี พ.ศ.๒๓๒๓ ทางเมืองเขมรเกิดกบฏขึ้นโดยการยุยง แทรกแซงของญวนฝ่ายองเชียงสือ เป็นการหากำลังและเสบียงขององเชียงสือ เพื่อทำสงครามแย่งชิงความเป็นใหญ่กับญวนฝ่ายราชวงศ์ไต้เชิง(เล้) ขณะเดียวกันในกรุงธนบุรีเอง องเชียงชุน(พระยาราชาเศรษฐี)ซึ่งเข้ามาสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าตาก ได้ก่อกบฏขึ้นในเดือนอ้าย พ.ศ.๒๓๒๔ หลังจากทำการปราบปรามกบฏสำเร็จในเดือนยี่ พระเจ้าตากได้พิจารณาเหตุการณ์ต่างๆ และทรงตัดสินพระทัยให้กองทัพไทยยกไปตีเมืองเขมรและไปรับมือญวนให้เด็ดขาดลงไป จึงทรงแต่งตั้งสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์ พระมหาอุปราช องค์รัชทายาทเป็นแม่ทัพใหญ่(๒) เจ้าพระยาจักรี(ด้วง) (๓) เจ้าพระยานครสวรรค์ เจ้าพระยาสาศรี(บุญมา น้องชายเจ้าพระยาจักรี)เป็นแม่ทัพรองๆลงมา


ในครั้งนั้นแม่ทัพใหญ่พยายามรุดหน้าไปตามพระราชโองการ แต่ติดขัดที่แม่ทัพรองบางนายพยายามยับยั้ง เพื่อคอยฟังเหตุการณ์ทางกรุงธนบุรี ส่วนทางญวนซึ่งไม่ต้องการเผชิญศึก ๒ ด้าน ทั้งไทยและญวนราชวงศ์เล้ ได้แต่งทูตมาเจรจาลับกับแม่ทัพรองฝ่ายไทย ทางแม่ทัพรองตกลงจะช่วยเหลือองเชียงสือในอนาคต หากงานที่เตรียมไว้สำเร็จ ทางญวนได้ทำตามสัญญาด้วยการล้อมกองทัพมหาอุปราชองค์รัชทายาทอย่างหนาแน่น เปิดโอกาสให้แม่ทัพรองฝ่ายไทยยกกำลังกลับกรุงธนบุรี(๔) เหตุการณ์ในกรุงธนบุรี เกิดมีผู้ยุยงชาวกรุงเก่าให้เกิดความเข้าใจผิดในพระเจ้าตากและชักชวนกบฏย่อยๆขึ้น จากนั้นก็ยกพลมาล้อมยิงพระนคร ขณะเดียวกันภายในกรุงธนบุรีเองก็มีคนก่อจลาจลขึ้นรับกับกบฏ พระเจ้าตากทรงบัญชาการรบจนถึงรุ่งเช้า จึงทราบว่าพวกกบฏเป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น ก็สลดสังเวชใจ เพราะพระทัยทรงตั้งอยู่ในธรรมปฏิบัติมุ่งโพธิญาณเป็นสำคัญ และทรงเห็นว่าหากการเปลี่ยนแปลงอำนาจนั้นไม่ก่อความเดือดร้อนแก่ชาวไทย พระองค์จะทรงหลีกทางให้ พวกกบฏจึงทูลให้ออกบวชสะเดาะเคราะห์สัก ๓ เดือนแล้วค่อยกลับสู่ราชบัลลังก์ ขณะนั้นพระยาสรรคบุรี พระยารามัญวงศ์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ยังอยู่ในกรุงและมีความภักดีต่อพระเจ้าตาก เห็นเป็นการคับขัน จำต้องผ่อนคลายไปตามสถานการณ์หลังจากบวชได้ ๑๒ วัน พระยาสุริยอภัยหลานเจ้าพระยาจักรี ยกทัพมาโดยมิได้รับพระบรมราชานุญาต เกิดการรบพุ่งกับกำลังของกรุงธนบุรีและได้รับชัยชนะ


จากนั้นอีก ๓ วันคือเข้าวันที่ ๖ เมษายน เจ้าพระยาจักรี(ด้วง)ซึ่งเลี่ยงทัพจากสงครามเขมรมาถึงกรุงธนบุรี ได้มีการสอบถามความเห็นกัน ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ยังจงรักภักดีและเชื่อในปรีชาสามารถของพระเจ้าตาก ต่างยืนยันให้อัญเชิญพระองค์มาครองราชย์ต่อไป แต่ข้าราชการเหล่านี้กลับถูกคุมตัวไปประหารชีวิต เช่น เจ้าพระยานครราชสีมา(บุญคง ต้นตระกูลกาญจนาคม), พระยาสวรรค์(ต้นตระกูลแพ่งสภา), พระยาพิชัยดาบหัก(ต้นตระกูลพิชัยกุลและวิชัยขัทคะ), พระยารามัญวงศ์(ต้นตระกูลศรีเพ็ญ) เป็นต้น จำนวนกว่า ๕๐ นายพระเจ้าตากก็ถูกปลงพระชนม์ทั้งที่ทรงเพศพระภิกษุในวันนั้นเอง ณ พระวิหารที่ประทับในวัดแจ้งและอัญเชิญพระศพไปฝังที่วัดอินทรารามบางยี่เรือ ใกล้ตลาดพลู คลองบางหลวง ส่วนราชวงศ์ที่เป็นชายและเจริญวัยทั้งหมดถูกจับปลงพระชนม์หมด นอกนั้นให้ถอดพระยศ แม้กระทั่งสมเด็จพระราชินีและสมเด็จพระน้านาง เป็นการถอดอย่างที่ไม่เคยมีมา(๕) เมื่อข่าวนี้ทราบไปถึงเจ้าพระยาอินทวงศา อัครมหาเสนาบดีฝ่ายกลาโหมซึ่งตั้งบัญชาการทัพอยู่ที่ปากพระใกล้เมืองถลาง ก็ได้ฆ่าตัวตายตามเสด็จ เพราะไม่ยอมเป็นข้าคนอื่นเมื่อข่าวการปลงพระชนม์พระเจ้าตากแพร่ออกไป เมืองตะนาวศรีและเมืองมะริดอันเป็นเมืองสำคัญทางตะวันตก ก็ตกไปเป็นของพม่าในปีนั้นเอง และเนื่องจากพันธะสัญญาที่ทำไว้กับญวนอย่างลับๆ ไทยจึงต้องช่วยญวนฝ่ายองเชียงสือรบกับญวนฝ่ายราชวงศ์เล้ถึง ๒ ครั้ง รวมทั้งการช่วยอาวุธยุทธภัณฑ์อีกนับไม่ถ้วน พอครั้นญวนฝ่ายองเชียงสือมีกำลังกล้าแข็งขึ้น ไทยกลับต้องเสียเมืองพุทไธมาศและผลประโยชน์อีกมากมายแก่ญวนไป(๖)


โอ้อนิจจา .... เรื่องนี้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบด้วยความเหิมเกริมทะยานอยากได้อำนาจสูงสุด เจ้าพระยาจักรีจึงเป็นกบฏ ทรยศต่อพระเจ้าตาก กษัตริย์ผู้กู้ชาติไทย กระทำการเข่นฆ่าล้างโคตรอย่างโหดเหี้ยม อำมหิตที่สุด ซ้ำยังเสริมแต่งใส่ร้ายพระเจ้าตาก ว่าวิปลาสบ้าง(๗) กระทำการมิบังควรแก่สงฆ์บ้าง วิกลจริตในการบริหารราชการบ้าง จากนั้นก็ตั้งตนเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ และเริ่มสร้างพระราชวังใหม่ที่ฟากตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาอันเป็นจุดเริ่มต้นของการสถาปนาราชวงศ์ใหม่ “ราชวงศ์จักรี”และด้วยความโหดร้ายบนเลือดเนื้อและชีวิตของกษัตริย์ในเพศพระภิกษุ กษัตริย์องค์ต่อๆมาในราชวงศ์จักรีจึงเต็มไปด้วยความบาดหมาง แก่งแย่งชิงราชสมบัติกันทุกรัชกาล ลูกฆ่าพ่อ พี่ฆ่าน้อง น้องฆ่าพี่อย่างไม่ว่างเว้นแม้กระทั่งในรัชกาลองค์ปัจจุบัน

ผู้ที่มองเห็นเบื้องหลังของรัชกาลที่ ๔ อย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่ได้มีเฉพาะคนอย่างคุณกี ฐานิสสร ซึ่งมีชีวิตในยุคหลังเท่านั้น แม้แต่สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) แห่งวัดระฆังยอดสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ในรัชกาลที่ ๔ ที่มีชื่อเสียงในเรื่องความมักน้อย(สมถะ) ก็ยังเคยเดินถือไต้ดวงใหญ่ เข้าวังหลวงในเวลาเที่ยงวัน ปากก็บ่นว่า “...มืดนัก....ในนี้มืดนัก มืดนัก...” (๓๒) เมื่อพูดถึงรัชกาลที่ ๔ แล้ว ถ้าไม่พูดถึงความขัดแย้งระหว่างพระองค์กับพระปิ่นเกล้าน้องชายเลย ย่อมไม่อาจจะเห็นภาพของราชสำนักที่เต็มไปด้วยการชิงดีชิงเด่นได้ ปรากฏความตามจดหมายของรัชกาลที่ ๕ ถึงเจ้าฟ้าวชิรุณหิศเล่าว่า รัชกาลที่ ๔ กับพระปิ่นเกล้าไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าใดนัก เพราะพระองค์ระแวงที่พระปิ่นเกล้ามีผู้นิยมมาก ทั้งพระปิ่นเกล้าเองก็มักจะกระทำการที่มองดูเกินเลยมาก(๓๓) พระปิ่นเกล้าไม่ค่อยยำเกรงรัชกาลที่ ๔ กรมดำรงฯเล่าว่า พระปิ่นเกล้ามักจะล้อรัชกาลที่ ๔ ว่า “พี่หิตบ้าง พี่เถรบ้างและตรัสค่อนว่า แก่วัด” (๓๔) ส่วนรัชกาลที่ ๔ เองแม้ไม่อยากยกน้องชายขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ ๒ แต่ก็จำเป็นต้องทำ ทั้งนี้เพราะรู้ดีว่า มีผู้ยำเกรงพระปิ่นเกล้ากันมากว่าเป็นผู้มีวิชา มีลิ้นดำเหมือนพระเจ้าหงสาวดีลิ้นดำ มิหนำซ้ำยังเหยียบเรือรบฝรั่งเอียง นอกจากนี้ยังมีทหารในกำมือมาก(๓๕) และพระองค์รู้ดีว่า น้องชายก็อยากเป็นกษัตริย์เพราะว่า ขณะเมื่อรัชกาลที่ ๓ ป่วยหนักนั้น พระปิ่นเกล้าได้เข้าหาพี่ชายถามว่า “พี่เถร จะเอาสมบัติหรือไม่เอา ถ้าเอาก็รีบสึกไปเถอะ ถ้าไม่เอาหม่อมฉันจะเอา...” (๓๖) พระองค์จึงตั้งพระปิ่นเกล้าเป็นกษัตริย์องค์ที่ ๒ เพื่อระงับความทะเยอทะยานของน้องชายแต่นานวันความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องทั้งสองคนก็ห่างเหินกันมากขึ้นทุกทีรัชกาลที่ ๔ นั้นไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งที่มีเสียงเล่าลือไปในหมู่คนไทย ลาว อังกฤษ ว่าตนเองเป็นผู้ที่ “...ชรา คร่ำเคร่ง ผอมโซ เอาราชการไม่ได้ ไม่แข็งแรง โง่เขลา” (๓๗) จนกษัตริย์ทนฟังไม่ได้ ต้องออกกฎหมาย ห้ามประชาชนวิพากษ์วิจารณ์พระกายของกษัตริย์ว่า อ้วน ว่าผอม ว่าดำ ว่าขาว ห้ามว่างามหรือไม่งาม(๓๘) ในขณะที่มีเสียงเล่าลือเกี่ยวกับพระปิ่นเกล้าในทางตรงข้าม เช่น มีผู้เล่าลือกันทั่วไปว่า “...วังหน้าหนุ่มแข็งแรง.....ชอบการทหารมาก มีวิทยาอาคมดี....” (๓๙) ข้อที่สร้างความชอกช้ำระกำใจให้กับพระองค์ที่สุดคือการที่พระปิ่นเกล้าไปไหนก็ “ได้ลูกสาวเจ้าบ้านผ่านเมืองแลกรมการมาทุกที” แต่พระองค์มิเป็นเช่นนั้นเลย จึงริษยาและบ่นเอากับคนที่ไว้ใจว่า “...ข้าพเจ้าไปไหนมันก็ว่า ชรา ไม่มีใครให้ลูกสาวเลย ต้องกลับมาแพลงรัง....” (๔๐) ต่อมาพระปิ่นเกล้าก็สวรรคต แต่การสวรรคตของพระปิ่นเกล้ามีเบื้องหลังมาก ส.ธรรมยศ เขียนไว้ว่า“ ที่พระปิ่นเกล้าทรงสวรรคตด้วยยาพิษโดยพระเจ้ากรุงสยาม(รัชกาลที่ ๔) ทรงจ้างหมอให้ทำ..... ส.ธรรมยศอ้างหนังสือ An English Governer and the Siamese Court ที่เขียนโดยมิสซิสแอนนาเลขานุการของรัชกาลที่ ๔ ว่า เป็นพฤติการณ์ที่รู้เห็นกันทั่วไป และนางใช้คำว่า พระเจ้ากรุงสยามเป็นกษัตริย์ที่โหดร้ายชั่วช้ามาก และที่ร้ายแรงกว่าความชั่วช้าคือ ความผูกอาฆาต พยาบาทอย่างรุนแรง และทรงเป็นกษัตริย์ที่มีพระนิสัยอิจฉาริษยาอย่างมาก โดยยกตัวอย่างไว้มากมาย” (พระเจ้ากรุงสยาม, หน้า ๘๑, ๑๗๘)และหลังจากที่พระปิ่นเกล้าสวรรคต รัชกาลที่ ๔ ก็ได้แก้แค้นคนทั้งปวงที่นิยมพระปิ่นเกล้า ด้วยการบังคับให้พระนางสุนาถวิสมิตรา ลูกสาวของเจ้าชายแห่งเมืองเชียงใหม่มเหสีของพระปิ่นเกล้า ให้มาเป็นเจ้าจอมของตน แต่พระนางสุนาถวิสมิตราไม่ยอม จึงถูกจับกุมขังไว้ในวังหลวง แต่โชคดีที่หนีไปเมืองพม่าได้ในภายหลัง(๔๑)

EIGHTIETH BIRTHDAY ANNIVERSASRY


Eightieth Anniversary O MaharajaPrevail Ye above perils near and afarDispenses of all Thy wealth and richesThat joy befalls deprived masses.
If Raja followed righteous pathsClerics high would heed, avarice gashedElse, refrain from black magic vicesExorcize from our Capital Golden Site
Siam will pursue Eternal TruthStops caressing whites' rumps profuseReturns to Tai-Laos wisdoms long ensued Ending conflicts Muslim-Malayus
For blessings to be fulfilledUpholds Thyself in penitenceWalks the path One Enlightened GuruSeeks at Thy side those wise and astute
Faithfuls will utter odious to regal earsDare flout royal wishes and peersOnly to serve nation's needs genuineExhort the Crown in joyful ‘Halleluiahs'!
Those fawning, flattering, fudging,Surround Thy side with praise conjurationDire keepers of royal possessionsSpawning waste to one's revelation
Besides, usurpers of coup d'etatDistant Thyself ranked militiaMete out Thy power to the domainCommencing with the Sovereign
Siam democracy old and ancientDerived from Sangha's traditionDwelling within Tai-life of yoreLending to life untainted grandeur
Espouses ideal true libertyHuman right, honor, dignity, Multitude wronged and oppressedNation's structures most warped, depressed
If corrected beneath true penchantLead to royal propitious exaltationRemoving blemishes of the reignInto ‘seventh heaven' when life eternal
Scores of illnesses corporalLess dismal than veiled attendantsWith piercing ache to cranium, pummel,Exact Dharmic verses to right immoral
Religious rituals not cust' sacredObserves ‘Trisika' veneratedGladly admit aberrant errsAnd truth will abide by Thy seer
At last, nation will Dharma flourishBy One honor-dignity leadsBestowing happiness to this realmAccolades not vernacular sham!

PS
Crown Property, chattels of royal SovereignBe banished to distance afarA communal gift of munificence So imparts opulence to Thy province May it please Your Majesty

COLSKYS@HOTMAIL.COM

วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ขอให้หลับสบายนะวีรบุรษแห่งกองทัพของประชาชน



เหนื่อยมานานจากการต่อสู้ในสนามรบ
เหนื่อยมานานจากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
เหนื่อยมานานจากการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง
ถึงเวลาแล้วที่ท่านต้องพักผ่อนหลับให้สบายเถอะท่านแม่ทัพท่านจะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

จอมบงการสั่งการลอบยิงเสธ.แดง


ตามลิงค์มาเลยครับ
http://www.ziddu.com/download/9887018/images.jpg.html
ตราบใดที่พวกราชวงศ์มายุ่งกับการเมือง การเมืองจะไม่มีทางเดินไปข้างหน้าได้เลย มาเป็นมือที่มองไม่เห็นมาแอบสั่งการอยู่เบื้องหลัง ประเทศไทยจะเดินไปได้จะต้องไม่มีคนพวกนี้ หรือถ้าอยากมีพวกราชวงศ์อยู่ก็ต้องยอมรับเลยว่าประเทศไทยจะมีแต่ถอยหลัง .......

วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สุดยอดสวาทจะขาดใจ


ตามลิงค์นี้เลยครับ
http://www.ziddu.com/download/9858959/1.flv.html

อะไรจะปานนั้นสุดๆๆๆๆ 18+


ตามลิงค์นี้ไปเลยครับ
http://www.ziddu.com/download/9858233/2399815ecab8602dae09db2a6001f465.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858234/2511393e0d7085430e8b23fd97aceb48.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858235/bef89ddf3a436c1cb45ebaf6afcc81ae.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858236/c5877f29257bc4d396ff6b63c0b27e30.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858237/c3d9a8c5ebe21d37b14093535e25c899.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858238/a8e47dcebe2dc1f69f8a167b87b0fa42.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858239/174d0991465dcaa2f4429d85c2fe531e.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858240/545dd84b0d36dadfad57cc401d4fc36f.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858241/9623c8068e02467282f8afaa92bc700c.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858242/764e30dc38b1b457422887091ea0390b.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858275/d3f919f0a7c0fc29f0b1b0c2996716a0.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858276/d0aba3e813e92b64f83982a950d30eed.jpg.html http://www.ziddu.com/download/9858277/d52e77bfe24ca59040bece97da00a757.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858278/fa6f8d58f0d1a7cf88da76bab1cb94f5.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858279/f91d612a881356fb31c3ce4815107ec6.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858280/8c9284ed21caf83eacf9cd4972d84302.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9857390/0cae2fd3f68f3fc69ab8f573a0f13211.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9857736/bef89ddf3a436c1cb45ebaf6afcc81ae.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858163/71f699462d052054cafd4ceb42f20c91.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858164/33b82f5b69a83d21dd6de4f076a1d32b.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858165/0d8680d613e0f0f2845fda6c1cea9ac3.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858166/5f87029d8b1157f3733dd3105004c68f.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858167/9cad7cb2fb508c4a275562a5f6ad378e.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858168/05f3ebb8468838cc2a335eb7cccc0e91.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858169/4d81bb5e0fdaa62afd4fcd25fe0e7111.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858170/8aa1606cfa54d538e1443777ca32a708.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858172/0cae2fd3f68f3fc69ab8f573a0f13211.jpg.html
http://www.ziddu.com/download/9858173/6da994a4f700c5d2c490c276a5aad466.jpg.html

colskys@hotmail.com

ขออฐิตฐานจิตให้เสธ.แดง ปลอดภัย


ข้าพเจ้าขอพรจากพระแก้วมรกตและสิ่งศ้กดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองพระสยามเทวาธิราชและเทพยดาฟ้าดินทั้งหลายจงคุ้มครองให้เสธ.แดง พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล ปลอดภัยและหายจากการป่วยโดยเร็วด้วยเถิดสาธุ



บริจาคเงินให้พรรคเพื่อไทย


พรรคเพื่อไทย









ชื่อพรรคการเมืองนี้ เขียนเป็นภาษาไทยว่า “พรรคเพื่อไทย”

เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า “PHEU THAI PARTY”

ใช้ชื่อย่อเป็นอักษรภาษาไทยว่า “พท.” และใช้ชื่อย่อเป็นอักษรภาษาอังกฤษว่า “PT.”

ภาพเครื่องหมายพรรคมี ดังนี้
คำอธิบายความหมาย ชื่อและภาพเครื่องหมายพรรค
ชื่อพรรคเพื่อไทย หมายความว่า การรู้รักสามัคคีและรวมกันเป็นพลังอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชาติ
ภาพเครื่องหมายพรรค ภายใต้รูปลักษณ์ของอักษรไทยสีน้ำเงิน “พท” มีแถบสีน้ำเงิน สีแดง และสีขาว ประกอบตัวอักษร และมีอักษรไทยสีน้ำเงิน คำว่า “พรรคเพื่อไทย”อยู่ด้านหลัง มีองค์ประกอบของเจตนารมณ์ ดังนี้
ตัวอักษรไทย “พท” (สีน้ำเงิน มีแถบสีน้ำเงิน สีแดง และสีขาว ประกอบตัวอักษร) หมายความว่า การรู้รักสามัคคีและรวมกันเป็นพลังอันหนึ่งอันเดียวกันของคนชาติไทย โดยตามรอยพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงมีพระราชประสงค์ให้คนไทยรู้รักสามัคคีและรวมกันเป็นพลังอันหนึ่งอันเดียวกัน
ตัวอักษรไทย “พรรคเพื่อไทย” (สีน้ำเงิน) หมายความว่า ความมุ่งมั่นรวมเอาคนไทยจากทุกภาคส่วนมาระดมสติปัญญา กำหนดนโยบายทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อร่วมกันพัฒนาชาติไทยให้เจริญรุ่งเรือง มั่นคง ยั่งยืนตลอดไป
colskys@hotmail.com

เคล็ดลับแต่งตัวอำพรางหุ่น


ใครที่รูปร่างใหญ่ แต่อยากแต่งตัวให้ดูดี วันนี้เรามีเคล็ดลับแต่งตัวอำพรางหุ่นมาบอก


ขาใหญ่
แก้ไขได้โดยการเลือกสวมเสื้อผ้าหลวมๆ ให้มีความสมดุลกันทั้งส่วนบนและล่าง อาจสวมกางเกงขาตรงๆ แต่อย่าให้ฟิตที่ต้นขา หรือถ้าจะมีเสื้อคลุมพอดีตัวสวมทับ หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อเอวลอย เอวจั๊มพ์ กางเกงขากว้าง และกระโปรงบานๆ ย้วยๆ เพราะใส่แล้วจะยิ่งดูใหญ่

ขายาวเรียวลีบ
เวลาแต่งตัวควรใส่กระโปรงทรงแคบ ยาวเหนือเข่าจะดีที่สุด

น่องใหญ่
ควรใส่โปรงยาวครึ่งน่อง รองเท้าส้นสูงเล็กน้อย ยิ่งถ้าเป็นแบบเปิดหลังเท้า จะช่วยให้ขาดูเรียวยาวขึ้น ที่สำคัญ ทั้งกระโปรง ถุงน่อง และรองเท้าควรจะเป็นสีหรือโทนเดียวกัน

สะโพกใหญ่
ให้ใส่กระโปรงที่มีตะเข็บหลัง หรือเดินเส้นทรงเอ หรือสวมเสื้อตัวยาวๆ อาจมีดีไซน์เดินเส้นยาวที่ด้านหลัง อย่าสวมกระโปรงรัดรูป หรือเอวรูด เพราะจะทำให้สะโพกดูใหญ่เพิ่มขึ้นไปอีก

ต้นแขนใหญ่
ต้องพยายามเลือกใส่เสื้อผ้าเนื้อนิ่มๆ บางเบา พวกเสื้อเข้ารูปฟิตพอดีตัวไม่ควร

อกอึ๋ม
ไม่ควรสวมเสื้อคอวี ไม่ว่าจะมีปกหรือไม่ก็ตาม พวกเสื้อยืด เสื้อตัวเล็กๆ ฟิตๆ หรือเสื้อลายขวาง แขนกุดก็ต้องลืมไปเลย ส่วนกระโปรงก็เลือกที่ยาวกว่าเข่า หรือระดับเข่าก็จะทำให้หุ่นดีขึ้น

ถ้าอยากใส่เสื้อผ้าให้ดูดีขึ้น ลองนำเคล็ดลับนี้ไปปฏิบัติตามกันดูได้.

colskys@hotmail.com

มะม่วงสุก-เสาวรส เพื่อผิวกระจ่างใส


สูตรเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ รสชาติเย็นช่วยคลายร้อน ทั้งยังมีสรรพคุณล้างพิษ ช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใส แลดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ ก็เพราะได้สารอาหารจาก มะม่วง ผลไม้แห่งฤดูกาลนี้

อากาศร้อนอบอ้าวอย่างนี้ กินดี เตรียมสูตรเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ รสชาติเย็นช่วยคลายร้อน ทั้งยังมีสรรพคุณล้างพิษ ช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใส แลดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ ก็เพราะได้สารอาหารจาก มะม่วง ผลไม้แห่งฤดูกาลนี้ ยิ่งเลือกรับประทานผลที่สุก อร่อยยิ่งอย่าบอกใคร ในมะม่วงอุดมไปด้วยวิตามินบี 3 แมกนีเซียม โพแทสเซียม ทองแดง และเบตาแคโรทีน ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณได้เป็นอย่างดี

ส่วนผสมร่วมเติมสุขภาพให้ผิวยังมี เสาวรส อัดแน่นด้วยวิตามินซี และสารอาหารที่ใกล้เคียงกับมะม่วง อย่าง เบตาแคโรทีน แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม และวิตามินบี 3

อีกอย่าง คือ แอปเปิ้ล ช่วยล้างพิษ และลดความตึงเครียด เพราะมีโพแทสเซียม กำมะถัน เหล็ก แมกนีเซียม วิตามินบี1 บี2 และบี6 โดยในสูตรนี้เลือกใช้แอปเปิ้ลแดง

สำหรับส่วนผสมที่ต้องเตรียม ประกอบด้วย...

แพชันฟรุต (เสาวรส) 1 ถ้วย
มะม่วงสุก 1 ถ้วย
แอปเปิ้ลแดง 2 ถ้วย
น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย

ขั้นตอนการผสม เริ่มจากคว้านเอาแต่เนื้อและเมล็ดของแพชันฟรุตออกมาแล้วสับพอหยาบ ปอกเปลือกมะม่วงหั่นเป็นชิ้นขนาดพอประมาณ ต่อด้วยการหั่นแอปเปิ้ลพร้อมเปลือกเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าโดยไม่ต้องคว้านเอาแกนออก นำผลไม้ทั้ง 3 ชนิดไปสกัดด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ เทใส่แก้วเติมน้ำแข็งป่นเพิ่มความเย็นสดชื่น ดื่มได้ทันที.

colskys@hotmail.com

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล คนกล้าของกองทัพประชาชนผู้ท้าชนกองทัพโจร


ถูกยิงที่ ศีรษะด้านขวาทะลุด้านซ้าย ที่บริเวณแยกศาลาแดง ขณะกำลังให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ครั้งนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ รุนแรงที่สุดในชีวิตของนายทหารผู้นี้ ขึ้นชื่อว่า "เสธ.แดง" พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล มีหรือจะกลัวใคร โดนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ประกาศเจอที่ไหนจะจับที่นั่น แต่กับเจอเจ้าตัวสวนกลับว่า ก็วนเวียนอยู่ในม็อบแดงราชประสงค์ จะมาจับก็มาจับ แต่แค่อยากรู้ว่าจะมาจับตนเองในข้อใด

ไม่เว้นแม้แต่นายกรัฐมนตรี ที่อุตสาห์ใช้รายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ประกาศให้ได้ยินเสียงดังฟังชัดว่า เสธ.แดง คือหนึ่งในสองบุคคล ร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ ไม่ต้องการให้เกิดความปรองดอง ตามแผนโรดแมป ที่ได้นำเสนอต่อสาธารณชนไปก่อนหน้านี้ ซึ่งก็แน่นอนว่า เมื่อทราบไปถึงหู เสธ.คนดัง ก็ออกมาศอกกลับแบบเจ็บ ๆ คัน ๆ ทันทีว่าแม้นายกรัฐมนตรีจะฮั้วกับแกนนำสามเกลอสำเร็จ แต่ตนไม่ขอเอาด้วย เพราะม็อบเสื้อแดงทั่วประเทศไม่เอา แถมยื่นเงื่อนไขโยนกลับไปที่นายกรัฐมนตรี 4 ข้อ ประกอบด้วย 1. ยุบสภา 2 นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และพล.อ.อนุพงษ์ต้องโดนหมายจับ 3.เปิดพีแชนแนล และ4. นำทหารออกไปจากพื้นที่ และประกาศยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อแลกกับการเลิกชุมนุมที่ราชประสงค์ อีกด้วย

ชื่อ-สกุล : พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล

วันเดือนปีเกิด : 2 มิถุนายน พ.ศ.2494

ถิ่นกำเนิด : อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

ประวัติครอบครัว :

- เป็นบุตรคนสุดท้อง ในจำนวนพี่น้อง 4 คน ของ ร.อ.สนิท และนางสะอิ้ง สวัสดิผล
- ชื่อพี่-น้อง
1.นางจินตนา ทรงเสนา (จิน)
2.นาง มิ่งขวัญ ทองเผือก (อึ่ง)
3.นางเจียรนัย มัจกิจบริวาร (หนิง)
4.พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล (แดง)
- ภรรยาชื่อ น.อ.จันทรา สวัสดิผล (เสียชีวิต สวดพระอภิธรรม ถึง 22 มิ.ย.2547 ณ วัดโสมนัสวิหาร และพระราชทานเพลิงศพ 23 มิ.ย.2547 เวลา 16.00 น.)
- ธิดาชื่อ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล (เดียร์)

การ ศึกษา และดูงาน :

- ปริญญาโท คณะพัฒนาสังคม สถาบันบัณฑิตดัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
- ปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (เพิ่มเติมทีหลัง)
- ปริญญาตรีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
- อบรมหลักสูตรสงครามนอกแบบ
หลักสูตรข่าวลับ
หลักสูตรคอมพิวเตอร์
หลักสูตร ภาษาอังกฤษ
- โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ชุดที่ 63
- โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 22
- โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 11
- มัธยมศึกษา 2-3 โรงเรียนศรีวิกรม์
- ประถม-มัธยมศึกษา 1 โรงเรียนโพธาราม

การทำงาน และตำแหน่งหน้าที่ :

- 1 ตุลาคม 2541
ผู้ชำนาญการกองบัญชาการทหารสูงสุด
- 1 เมษายน 2542
ผู้ทรงคุณวุฒิ กองทัพบก

ยศหรือขั้น :

- 2536 พันเอกพิเศษ
- 2516 ร้อยตรี
- 1 ตุลาคม 2541 พลตรี

colskys@hotmail.com

ซุปผักโขมกับขนมปังกระเทียม


ใส่กระเทียมสับละเอียดและน้ำมันมะกอกลงในชามแก้ว ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหารจากนั้นนำเข้าเตาไมโครเวฟ กดปุ่มระบบอัตโนมัติ ตั้งเวลา 30 วินาที

ส่วนผสม

1.ผักโขมสับ 150 กรัม
2.กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
3.น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ
4.น้ำสต๊อกไก่ 1 ถ้วย
5.นมสดพร่องมันเนย 1 ถ้วย

วิธีทำ

1.ใส่กระเทียมสับละเอียดและน้ำมันมะกอกลงในชามแก้ว ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหาร
2.จากนั้นนำเข้าเตาไมโครเวฟ กดปุ่มระบบอัตโนมัติ ตั้งเวลา 30 วินาที
3.นำผักโขม น้ำสต๊อกไก่ และนมใส่ชามแก้ว เข้าเตาไมโครเวฟกดปุ่ม ระบบอัตโนมัติ ตั้งเวลาประมาณ 5 นาที เสร็จแล้วปรุงรสด้วย
เกลือและพริกไทย
4.เททั้งหมดลงในเครื่องปั่น ปั่นให้พอแหลก เทใส่ถ้วย
5.จัดขนมปังธัญพืชหรือขนมปังบาแกตต์ลงในจานกระเบื้อง นำเข้าเตาไมโครเวฟ กดปุ่มระบบอัตโนมัติ ตั้งเวลาประมาณ 30 วินาที
หลังจากนั้นนำออกมาตั้งทิ้งไว้ให้เย็นประมาณ 2-3 นาที
6.นำกระเทียมสับละเอียดและน้ำมันมะกอกที่เตรียมไว้มาทาบนขนมปังเสิร์ฟพร้อมซุปผักโขมร้อนๆ


colskys@hotmail.com


อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไอ้ทรราช สั่งฆ่าประชาชน


http://www.thairath.co.th/column/pol/cartoon/82632
ปกปิดกลบเกลื่อนรอยอำมหิต
ใช้เหล์เหลื่ยมอำนาจทางการเมีอง
ยุติธรรม 2 มาตรฐาน
บิดเบีอนทำลายอำตัวรอด
ไม่มีความจริงใจโกหกตอแหล่
หมาลอบกัด
ไอ้คนจัรไร
ไอ้เดรัจฉาน
ไอ้ปากว่าตาขยิบ
ไอ้คนเลวชิงหมาเกิด
มันคือไอ้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ...
..

วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เพลง แค่มีเธอข้างกาย - แอร์ กนิษฐิกา (เพลงประกอบละคร เลื่อมพรายลายรัก)


ตามลิงค์นี้เลยครับ
http://www.ziddu.com/download/9764877/t..mp3.html
เนื้อเพลง แค่มีเธอข้างกาย - แอร์ กนิษฐิกา (เพลงประกอบละคร เลื่อมพรายลายรัก)

ฉันไม่มีอะไรเรียกร้อง ฉันไม่ต้องการอะไร
แม้ว่ามันจะดีแค่ไหนก็ไม่ ต้องการทั้งนั้น
แค่ในวันนี้มีเธอก็พอ นั่นก็พอแล้วที่ฉันต้องการ
ก็เธอนั้นคือทุกๆอย่าง ที่ใจเฝ้าคอย

ฝนจะแรงจะหนักแค่ไหน ฟ้าจะดำจะครึ้มเพียงใด
แม้ต้องเจออะไรแค่ไหน ก็จะไม่กลัวทั้งนั้น
แค่มีคนรักคือเธอก็พอ เธอคือความรักที่ฉันต้องการ
จากวันนี้จะพ้นจะผ่านมันไปด้วยกัน

แค่มีเธอข้างกาย ทุกอย่างก็ดูเล็กน้อยลงไป
แค่มีเธอก็อุ่นในใจ ไม่ต้องการใครอีกแล้ว
แค่มองไปเห็นเธอ หัวใจก็เข้มแข็งพอ
ที่จะก้าวไปโดยไม่รั้งรอ แค่ขอได้อยู่กับเธอ

ท้องทะเลกว้างใหญ่แค่ไหน แม้กำแพงจะหนาเพียงใด
ทุกข์ที่มีจะหนักแค่ไหน จะไม่มีคำว่าท้อ
แค่เธอบอกฉันคำเดียวก็พอ บอกว่าเธอรักให้ฉันมั่นใจ
สิ่งแล้วร้ายจะสักเท่าไหร่ ถ้าเรารักกัน

แค่มีเธอข้างกาย ทุกอย่างก็ดูเล็กน้อยลงไป
แค่มีเธอก็อุ่นในใจ ไม่ต้องการใครอีกแล้ว
แค่มองไปเห็นเธอ หัวใจก็เข้มแข็งพอ
ที่จะก้าวไปโดยไม่รั้งรอ แค่ขอได้อยู่กับเธอ

colskys@hotmail.com