แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อาหารและเครื่องดื่ม แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อาหารและเครื่องดื่ม แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

มะม่วงสุก-เสาวรส เพื่อผิวกระจ่างใส


สูตรเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ รสชาติเย็นช่วยคลายร้อน ทั้งยังมีสรรพคุณล้างพิษ ช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใส แลดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ ก็เพราะได้สารอาหารจาก มะม่วง ผลไม้แห่งฤดูกาลนี้

อากาศร้อนอบอ้าวอย่างนี้ กินดี เตรียมสูตรเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ รสชาติเย็นช่วยคลายร้อน ทั้งยังมีสรรพคุณล้างพิษ ช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใส แลดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ ก็เพราะได้สารอาหารจาก มะม่วง ผลไม้แห่งฤดูกาลนี้ ยิ่งเลือกรับประทานผลที่สุก อร่อยยิ่งอย่าบอกใคร ในมะม่วงอุดมไปด้วยวิตามินบี 3 แมกนีเซียม โพแทสเซียม ทองแดง และเบตาแคโรทีน ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณได้เป็นอย่างดี

ส่วนผสมร่วมเติมสุขภาพให้ผิวยังมี เสาวรส อัดแน่นด้วยวิตามินซี และสารอาหารที่ใกล้เคียงกับมะม่วง อย่าง เบตาแคโรทีน แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม และวิตามินบี 3

อีกอย่าง คือ แอปเปิ้ล ช่วยล้างพิษ และลดความตึงเครียด เพราะมีโพแทสเซียม กำมะถัน เหล็ก แมกนีเซียม วิตามินบี1 บี2 และบี6 โดยในสูตรนี้เลือกใช้แอปเปิ้ลแดง

สำหรับส่วนผสมที่ต้องเตรียม ประกอบด้วย...

แพชันฟรุต (เสาวรส) 1 ถ้วย
มะม่วงสุก 1 ถ้วย
แอปเปิ้ลแดง 2 ถ้วย
น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย

ขั้นตอนการผสม เริ่มจากคว้านเอาแต่เนื้อและเมล็ดของแพชันฟรุตออกมาแล้วสับพอหยาบ ปอกเปลือกมะม่วงหั่นเป็นชิ้นขนาดพอประมาณ ต่อด้วยการหั่นแอปเปิ้ลพร้อมเปลือกเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าโดยไม่ต้องคว้านเอาแกนออก นำผลไม้ทั้ง 3 ชนิดไปสกัดด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ เทใส่แก้วเติมน้ำแข็งป่นเพิ่มความเย็นสดชื่น ดื่มได้ทันที.

colskys@hotmail.com

ซุปผักโขมกับขนมปังกระเทียม


ใส่กระเทียมสับละเอียดและน้ำมันมะกอกลงในชามแก้ว ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหารจากนั้นนำเข้าเตาไมโครเวฟ กดปุ่มระบบอัตโนมัติ ตั้งเวลา 30 วินาที

ส่วนผสม

1.ผักโขมสับ 150 กรัม
2.กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
3.น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ
4.น้ำสต๊อกไก่ 1 ถ้วย
5.นมสดพร่องมันเนย 1 ถ้วย

วิธีทำ

1.ใส่กระเทียมสับละเอียดและน้ำมันมะกอกลงในชามแก้ว ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหาร
2.จากนั้นนำเข้าเตาไมโครเวฟ กดปุ่มระบบอัตโนมัติ ตั้งเวลา 30 วินาที
3.นำผักโขม น้ำสต๊อกไก่ และนมใส่ชามแก้ว เข้าเตาไมโครเวฟกดปุ่ม ระบบอัตโนมัติ ตั้งเวลาประมาณ 5 นาที เสร็จแล้วปรุงรสด้วย
เกลือและพริกไทย
4.เททั้งหมดลงในเครื่องปั่น ปั่นให้พอแหลก เทใส่ถ้วย
5.จัดขนมปังธัญพืชหรือขนมปังบาแกตต์ลงในจานกระเบื้อง นำเข้าเตาไมโครเวฟ กดปุ่มระบบอัตโนมัติ ตั้งเวลาประมาณ 30 วินาที
หลังจากนั้นนำออกมาตั้งทิ้งไว้ให้เย็นประมาณ 2-3 นาที
6.นำกระเทียมสับละเอียดและน้ำมันมะกอกที่เตรียมไว้มาทาบนขนมปังเสิร์ฟพร้อมซุปผักโขมร้อนๆ


colskys@hotmail.com


วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

แซนด์วิชพาร์มาแฮม


ราดน้ำมันมะกอกลงบนขนมปังบาแกตต์ ตามด้วยเกลือ พริกไทย หรือปาปริก้าตามใจชอบวางขนมปังลงบน Crispy Plate หรือถาดสำหรับทำเกรียม




ส่วนผสม



1.ขนมปังบาแกตต์หรือขนมปังฝรั่งเศส 2 ชิ้น
2.น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
3.พาร์มาแฮม 3-4 ชิ้น
4.ครีมชีส 1/4 ถ้วย
5.เนื้อลูกพรุน 50 กรัม
6.เกลือ พริกไทย อย่างละหนึ่งหยิบมือ



วิธีทำ


1.ราดน้ำมันมะกอกลงบนขนมปังบาแกตต์ ตามด้วยเกลือ พริกไทย หรือปาปริก้าตามใจชอบ



2.วางขนมปังลงบน Crispy Plate หรือถาดสำหรับทำเกรียม


3.นำเข้าเตาอบไมโครเวฟ กดปุ่ม Crusty Cook เลือกเบอร์ 3 (เครื่องจะแสดงเวลาทำงาน 6 นาที) รอจนครบ 2 นาที ให้กดปุ่ม Stop เพื่อเปิดเช็กดูความเกรียมที่ต้องการ หากรู้สึก ว่าเกรียมพอแล้วก็นำออกมาได้เลย แต่ถ้ายังก็นำเข้าอบต่อ โดยกดปุ่ม Start


4.นำพาร์มาแฮมไปย่างด้วยวิธีการเดียวกับการย่างขนมปัง แต่ให้เปิดออกมาเช็กเมื่ออบผ่านไปแล้วสัก 4 นาที หากรู้สึกว่าเกรียมพอแล้วก็นำออกมาได้เลย แต่ถ้ายังก็นำเข้าอบต่อ โดย กดปุ่ม Start


5.สับลูกพรุนผสมกับครีมชีส เกลือ และพริกไทย


6.ทาครีมชีสลงบนขนมปังบาแกตต์ จากนั้นวางพาร์มาแฮมลงแล้วประกบด้วยขนมปังบาแกตต์อีกชิ้น เป็นอันเสร็จพร้อมเสิร์ฟ


colskys@gmail.com




ไก่อบสมุนไพร




เริ่มต้นด้วยการหมักไก่เสียก่อน โดยก่อนจะหมักไก่ให้ใช้ ส้อมจิ้มอกไก่เพื่อให้เนื้อไก่นุ่ม และช่วยให้ซึมซับรสชาติได้ดียิ่งขึ้น


ส่วนผสม




1.เนื้ออกไก่ 200 กรัม
2.ใบมะกรูดหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
3.ต้นหอมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
4.ขิงขูดฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
5.กระเทียมทุบ 5 กลีบ
6.ซอสถั่วเหลืองคิคโคแมนแบบเกลือน้อย 2 ช้อนโต๊ะ (Kikkoman Less Salt)
7.พริกตุ้มเม็กซิกันสับ 1 ช้อนโต๊ะ
8.น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
9.ถั่วหวาน 10 ฝัก
10เกลือ พริกไทยเล็กน้อย






วิธีทำ



1.คลุกส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน นวดให้เข้าเนื้อไก่ หมักทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง



2.อุ่นเตาไมโครเวฟด้วยการกดปุ่มระบบอบ ด้วยอุณหภูมิ 250 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 5 นาที



3.จากนั้นเทไก่ที่หมักไว้ รวมทั้งซอสหมักลงในจาน นำเข้า เตาไมโครเวฟ กดปุ่มระบบอบ ตั้งอุณหภูมิ 250 องศาเซลเซียส ตั้งเวลาอบ 10 นาที



4.เปิดเตาอบออกมาเพื่อเติมถั่วหวาน แล้วกดปุ่มระบบอบต่ออีก 10 นาที



5.นำอาหารออกจากเตา จัดไก่และถั่วหวานใส่จาน ราดด้วยซอสหมัก รับประทานกับข้าวสวยหรือข้าวกล้องงอกร้อนๆ



colskys@hotmail.com


วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

อาหารที่เป็นภัยต่อร่างกายมากที่สุด และอาจร้ายแรงถึงชีวิต


อาหารที่คุณรับประทานในชีวิตประจำวัน บางทีคุณอาจไม่คิดว่า มันมีอันตรายร้ายแรงขนาดปลิดชีพคุณได้ เพราะสามารถหาซื้อทานได้ตามท้องตลาดทั่วไป จากการรวบรวมผลการศึกษาวิจัยจาก สถาบันกุมารเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับอาหารที่เป็นภัยต่อร่างกายมากที่สุด และอาจร้ายแรงถึงชีวิต จำนวน 10 ชนิด ดังต่อไปนี้...



อันดับ 10 : "เห็ด"อาจเป็นที่น่ากังขาว่าเห็ดเป็นอันตรายถึงชีวิตได้จริงหรือไม่อาจเป็นที่น่ากังขา ว่าเห็ดเป็นอันตรายถึงชีวิตได้จริงหรือไม่ นอกจากทำให้เกิดอาการทางประสาท หรือประสาทหลอน แต่คำตอบที่ถูกต้องคือ "ใช่" เห็ดสามารถปลิดชีพได้ เช่นเห็ดระโงกหิน (Death Cap) และ เห็ดไข่เป็ด (Destroying Angel) ที่มีพิษร้ายแรง แม้จะมีข่าวอยู่บ่อยครั้งว่า เสียชีวิตเพราะทานเห็ด แต่ทุกวันนี้ยังคงมีคนนิยมเก็บเห็ดตามป่ามาปรุงอาหาร โดยไม่ทราบว่า มีพิษหรือไม่ ดังนั้นการเลี่ยงรับประทานเห็ดที่หน้าตาไม่คุ้นชิน หรือไม่รู้จักจึงปลอดภัยที่สุด



อันดับ 9 : "กาแฟ"ปัญหาด้านการนอนหลับ และปัญหาฟันเหลือง จากการดื่มกาแฟเป็นประจำสม่ำเสมอนอกเหนือจาก ความเป็นไปได้ของอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น หรือใจสั่น ปัญหาด้านการนอนหลับ และปัญหาฟันเหลือง จากการดื่มกาแฟเป็นประจำสม่ำเสมอ กาแฟยังสร้างปัญหาต่อร่างกายได้ เมื่อความร้อนเกินมาตรฐาน โดยกาแฟสามารถกร่อนผิวหนังได้เป็นอย่างดี อาจดูเหมือนเรื่องตลก ตัวอย่าเกิดขึ้นเมื่อปี 1992 ที่ร้านฟาสฟู้ดชื่อดัง McDonald เมื่อคุณยายวัย 79 ปี ดื่มกาแฟความร้อนจัดราว 170 องศา ทำให้ทวารของคุณยายถูกทำลาย จึงฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เป็นมูลค่า 2.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับแต่นั้นเป็นต้นมา McDonald จึงมีมาตรการจำกัดอุณหภูมิของกาแฟไม่ให้สูงเกินความเหมาะสม



อันดับ 8 : "มันสำปะหลัง"พืชชนิดนี้จะส่งผลกระทบร้ายแรง หากมีวิธีและขั้นตอนการเตรียมที่ไม่ถูกต้องมันสำปะหลัง มักถูกนำมาผลิตในอาหารหลากหลายรูปแบบ แต่พืชชนิดนี้จะส่งผลกระทบร้ายแรง หากมีวิธีและขั้นตอนการเตรียมที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ในมันสำปะหลังยังมีสารไซยาไนด์แฝงอยู่ ซึ่งหากได้รับในปริมาณมากอาจส่งผลถึงชีวิตเช่นกัน อย่างไรก็ดี ขนมที่ทำจากมันสำปะหลัง และได้รับความนิยมมากในปัจจุบันคือ พุดดิ้ง กระทั่งกลุ่มมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งสหรัฐฯ ออกโรงเตือนประชาชนที่อ่อนไหวง่ายต่อยางของพืช ให้เลี่ยงไปรับประทานของทานเล่นประเภทอื่นแทน


อันดับ 7 : "ทูน่า"แทบไม่คาดคิดเมื่อปลาตัวเล็กตัวน้อยจำพวกทูน่า จะถูกประกาศเป็นอาหารสุดยอดอันตรายแทบไม่คาดคิดเมื่อปลาตัวเล็กตัวน้อยจำพวกทูน่า อาหารยอดนิยมอีกชนิดหนึ่งในสังคมปัจจุบัน จะถูกประกาศเป็นอาหารสุดยอดอันตราย ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศเตือนสตรีมีครรภ์ และเด็ก ให้หลีกเลี่ยง หรือรับประทานในปริมาณแต่น้อย เนื่องจากทูน่า คือปลาตัวเล็กหลากหลายสายพันธุ์ และมีปริมาณสารปรอทสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการคลอดบุตรสำหรับคุณแม่มีครรภ์ และอาจทำลายระบบประสาทสำหรับเด็กที่กำลังมีพัฒนาการ



อันดับ 6 : "รูบาร์บ"รูบาร์บช่วยต้านมะเร็งได้ แต่ใบขนาดใหญ่ของมันมีพิษถึงชีวิตแม้จะมีงานวิจัยเผยว่า รูบาร์บช่วยต้านมะเร็งได้ แต่จากประวัติศาสตร์การแพทย์ระบุว่า ใบขนาดใหญ่ของรูบาร์บนั้นมีพิษถึงชีวิต แม้จะรับประทานแบบดิบหรือนำมาปรุงจนสุกก็ตาม แต่ทั้งนี้ส่วนที่สามารถนำมารับประทานได้นั้นคือบริเวณก้านของรูบาร์บ



อันดับ 5 : "ผักใบเขียว"เป็นที่น่าตกใจ เมื่ออาหารจำพวกผักใบเขียว ตกอยู่ในแบล็กลิสต์ด้วยเช่นกันเป็นที่น่าตกใจ เมื่ออาหารจำพวกผักใบเขียว ที่แลดูเป็นประโยชน์ต่อร่างกายจะตกอยู่ในแบล็กลิสต์ด้วยเช่นกัน โดยเมื่อปี 2009 ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์เพื่อประโยชน์สาธารณะ ระบุชื่อผักใบเขียวทั้งหลาย อาทิ ผักโขม ผักสลัด กะหล่ำปลี ผักชีฝรั่ง และผักคะน้า ส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพผู้บริโภคมากที่สุด ซึ่งเมื่อปีที่ผานมาในสหรัฐฯ มีผู้ป่วยจากผักดังกล่าว 240 กรณี ซึ่งส่วนใหญ่รับประทานอาหารตามร้าน หรือภัตตาคาร ส่วนการติดเชื้อเชื่อว่าเกิดจากการละเลยความสะอาด ทั้งความสะอาดของมือผู้ปรุงอาหาร และความสะอาดของผักที่ล้าง โดยเชื้อโรคส่วนใหญ่ที่มากับผักชนิดดังกล่าว คือ ไวรัสไนโร ซึ่งติดมากับผักเมื่อได้รับการสัมผัสจากสัตว์ป่า หรือน้ำที่ไม่สะอาด

อันดับ 4 : "ถั่วลิสง"มักมีผู้เสียชีวิตจากการรับประทานถั่วลิสง เนื่องจากเป็นโรคภูมิแพ้ถั่วสมาคมโรคภูมิแพ้และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่า มักมีผู้เสียชีวิตจากการรับประทานถั่วลิสง เนื่องจากเป็นโรคภูมิแพ้ถั่ว ซึ่งปัจุจบันมีตัวเลขผู้มีอาการแพ้ถั่วเพิ่มขึ้นจากเดิม แต่นับว่ายังไม่สูงมาก คิดเป็นเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรทั้งหมด อย่างไรก็ตามจำนวนเด็กเสียชีวิตด้วยโรคแพ้ถั่ว เพิ่มขึ้นระหว่าง ปี 1997 -2002 ราว 2 เท่า








อันดับ 3 : "ผลแอคกี"ผลแอคกี หากไม่รู้วิธีรับประทานจะเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ อาเจียร และอาจร้ายแรงถึงแก่ชีวิตผลแอคกี (Ackee) แต่เดิมเป็นผลไม้พื้นเมืองบริเวณพื้นที่แถบแอฟริกาตะวันตก แต่กลายมาเป็นผลไม้ประจำชาติจาไมก้า ราวปี 1788 สำหรับผู้ไม่รู้วิธีรับประทานผลแอคกีที่ถูกต้อง อาจเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ อาเจียร และอาจร้ายแรงถึงแก่ชีวิต ทั้งนี้ผลแอคกีดิบมีสารพิษที่ชื่อว่า Hypoglycin แฝงอยู่ ดังนั้นหากจะนำมารับประทานต้องรอให้ผลสุกจนกลายเป็นสีแดง และผลิออกจนเห็นเม็ดในสีดำเองตามธรรมชาติเสียก่อน สำหรับการรับประทานนั้น ชาวจาไมก้ามักทานเคียงกับปลาคอต






อันดับ 2 : "ปลาปักเป้า"นับเป็นอาหารจานหรู แต่มีพิษร้ายแรง ที่ชื่อว่า สารเตโตรโดทอกซิน คร่าชีวิตนักชิมมามากเสิร์ฟโดยการแร่เป็นชิ้นบาง ๆ โดยเชฟมืออาชีพผู้เชี่ยวชาญ ปลาปักเป้านับเป็นอาหารจานหรู แต่มีพิษร้ายแรง ที่ชื่อว่า สารเตโตรโดทอกซิน (Tetrodotoxin) คร่าชีวิตนักชิมมากกว่าสารไซยาไนด์ หรือสารหนู (Cyanide)ในปลาปักเป้า 1 ตัวจะมีต่อมพิษอยู่ 1 ต่อม มีขนาดเล็กกว่าหัวเข็ม ผู้ที่สามารถเสิร์ฟอาหารจานนี้ได้ ต้องฝึกฝนและเรียนรู้นานกว่า 3 ปี เพราะพิษในปลาเพียง 1 ตัว สามารถปลิดชีพมนุษย์ได้มากถึง 30 คน ด้วยความประณีตและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนจึงทำให้ปลาปักเป้ามีมูลค่าแพงราว 200 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 6,500 บาท) ต่อจาน แต่อย่างไรก็ตามนักกินในประเทศญี่ปุ่นยังคงนิยมสั่งปลาปักเป้ามารับประทานมากกว่า 10,000 ตันต่อปี และมีมากกว่า 40 สายพันธุ์ให้เลือกลิ้มรส




อันดับ 1 : "ฮอทดอก"อาหารชนิดนี้ส่งผลอันตรายทั้งต่อเด็กและผู้ใหญ่ เพราะเนื้อที่นำมาผลิตมักมีคุณภาพต่ำสถาบันกุมารเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกา ระบุว่า อาหารชนิดนี้ส่งผลอันตรายทั้งต่อเด็กและผู้ใหญ่ เพราะ เนื้อที่นำมาผลิตมักมีคุณภาพต่ำ หรือเป็นการนำเศษเนื้อที่เหลือจากโรงฆ่าสัตว์มาบดและทำเป็นไส้กรอก จากรายงานบอกว่า 17 เปอร์เซ็นต์ของเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี มักเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจเมื่อบริโภคอาหารประเภทดังกล่าว สำหรับสาเหตุที่อยู่ในรายการอาหารที่อันตรายที่สุดเป็นเพราะ ฮอทดอกเป็นอาหารที่นิยมรับประทานในชีวิตประจำวันมากที่สุด โดยปราศจากการหลีกเลี่ยง หรือคำนึงถึงอันตรายที่แฝงอยู่.


colskys@hotmail.com


วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553

สตูว์เนื้อลูกวัว

หั่นเนื้อเป็นลูกเต๋าชิ้นพอดีๆ คำ และต้มพร้อมผัก จนเนื้อนิ่มดีประมาณ 1-1.5 ช.ม. แบ่งน้ำซุปมาครึ่งลิตร เตรียมซอสขาวโดยตั้งเนยบนเตาจนละลาย




สูตรอาหารฝรั่งเศส


ส่วนผสมหลัก :


1.Veal shank 1 กิโลกรัม
2.แครอท 80 กรัม
3.หัวหอม 80 กรัม
4.ลีค100 กรัม
5.เซเลอรี่ 1 กำ
6.กระเทียม 2 หัว
7.Garni (ชุดเครื่องสำหรับทำสตูว์) 1 ช่อ
8.กานพลู 1 กิ่ง
9.เกลือ และพริกไทยอ่อน


เครื่องเคียง :


1.เห็ดแชมปิญอง
2.หอมแดง (Parl Onion) 80 กรัม
3.เนย 20 กรัม
4.มะนาว 1 ผล,
5.เกลือ, พริกไทยและน้ำตาล

หั่นเนื้อเป็นลูกเต๋าชิ้นพอดีๆ คำ และต้มพร้อมผัก จนเนื้อนิ่มดีประมาณ 1-1.5 ช.ม. แบ่งน้ำซุปมา ½ ลิตร เตรียมซอสขาวโดยตั้งเนยบนเตาจนละลาย ผสมแป้งลงไป และคนให้เข้ากันดี เติมน้ำซุปลงไปทีละน้อย ตั้งเตาจนแป้ง ละลายสุกดี เติมวิปครีมลงไป หมั่นคนจนข้นดี ตามด้วย

เนื้อลูกวัว พักไว้ หั่นเห็ดแชมปิญองเป็นชิ้นสามเหลี่ยม ต้มในน้ำที่ใส่เกลือ เนย และน้ำมะนาวเล็กน้อยจนสุก และนิ่ม พักไว้ ต้มหอมแดงในน้ำที่ใส่เกลือ นำ้ตาลและเนย จนหอมแดงนิ่มสุก รอจนน้ำระเหยจนหมด เขย่ากระทะ ให้หอมแดงใสและแวววาว พักไว้ ก่อนเสิร์ฟ ผสมไข่แดง และวิปครีมลงในสตูว์ร้อนๆ ที่เตรียมไว้ ใส่เห็ด และปรุงรส ด้วยเกลือและพริกไทย ตกแต่งจานด้วย หอมแดง

colskys@hotmail.com

10อาหารอันตราย(ใกล้ตัวมากๆๆๆ)


1.แฮมเบอเกอร์
แฮมเบอร์เกอร์ทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์ เนื้อส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้นและ นำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก หูและส่วนอื่นๆของมัน เพราะว่าเบอร์เกอร์ทั้งหมดทำมาจากสัตว์ จึงสามารถขึ้นป้ายว่า เนื้อวัวแท้ (Pure beef)แฮมเบอร์เกอร์ทั้งหมดจะใส่สารปรุงรส (MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ MSG เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้น และท้ายที่สุดก็ทำให้ท่านอ้วนขึ้นด้วยอุตสาหกรรมปศุสัตว์ เป็นผู้ใช้ยาปฏิชีวนะมากที่สุดในโลก เพื่อใช้ในการหักล้างแบคทีเรียที่เป็นอันตรายในเนื้อ
2.ฮอทด็อก
ฮอทด็อกทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์ เนื้อ ส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้น และนำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก สันจมูก หู เล็บและส่วนอื่นๆของมัน เพราะว่าฮอทด็อกทั้งหมดทำมาจากสัตว์ จึงสามารถขึ้นป้ายว่า เนื้อวัวแท้ (Pure beef) หรือ ทำจากไก่งวงแท้ 100%
3.เฟรนช์ฟราย
เป็นอาหารที่มี ?ความเป็นพิษสูง?การทอดเฟร้นช์ฟราย จะทอดกันที่อุณหภูมิสูง ทำให้มีสารเคมีอะคริลิไมด์(Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท
4.โอริโอ้ คุกกี้
ที่เด่นชัดมากก็คือ ส่วนของน้ำตาลมีอยู่สูงถึง 23 กรัมเลยทีเดียว ช็อก โกเล็ตนั้นเป็นสารอาหารรายการสุดท้าย นั่นหมายความว่า มีช็อคโกเล็ตประกอบอยู่น้อยมาก น้ำตาลปริมาณสูง ทำให้ผิวหนังเ่ยวย่นและเกิดริ้วรอยได้เร็วยิ่งขึ้น
5.พิซซ่า
พิซซ่าในเชิงทางการค้าจะประกอบไปด้วยอาหารที่มาจากการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม 5 ชนิด -. เนยแท้ (cheese) เพียง 10% เท่านั้น
-. แป้ง ที่ผ่านการปรุงแต่งให้ขาวที่ได้ทำการฟอกสี ทำให้วิตามินและเกลือแร่ออกไปแล้ว แต่ได้ทำการเติมเกลือแร่สังเคราะห์ตามจำนวนโมเลกุลที่มันเคยมีอยู่เข้าไป ใหม่
-ซอสมะเขือเทศ ทำด้วยสารที่คล้ายมะเขือเทศที่สร้างยาฆ่าแมลงของมันขึ้นมาได้เอง ในร่างกายของท่าน
-แป้งสาลีที่นำมาใช้เป็นแป้งชนิดที่มีการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม
-มีน้ำมันฝ้ายประกอบอยู่ด้วย ฝ้ายไม่ได้จัดเป็นพืชพวกอาหาร มันผ่านการสเปรย์ด้วยยาฆ่าแมลงที่ชาวไร่ใช้
6.น้ำอัดลม
สารตัวสำคัญที่มีอยู่ในโค้กก็คือกรดกำมะถัน (Phosphoric acid) ในด้านความเป็นกรดด่าง มันมีความเป็นกรดอยู่สูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วันกรดที่สะสมอยู่ในร่างกาย ทำให้ยากที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้
7.ชิ้นไก่เนี้อนุ่มไม่มีกระดูก
ทำมาจากชิ้นส่วนของไก่ที่ไม่ใช้แล้ว น้อยมากที่จะทำมาจากเนื้อขาวจริงๆการรับประทานต่อครั้งโดยทั่วไป จะให้พลังงาน 340 แคลอรี่ 50% เป็นไขมันมีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก จึงมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูง มีการเติมสารปรุงรส (MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะ
8.ไอศครีม
มีไขมันอยู่สูงมาก (ขนาดปกติ 4 ออนซ์) มีไขมันเกินกว่า 50% ของไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวันมีคาร์โบไฮเดรตอยู่มาก เกือบ 40% ของคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวันมีน้ำตาลอยู่มาก ทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเ่ยวย่น
9.โดนัท
โดยเฉลี่ยแล้ว จะให้พลังงานประมาณ 300 แคลอรี่ ในโดนัทหนึ่งชิ้นมีแป้งคาร์โบไฮเดรตอยู่มากกว่า 50% ของที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวันมีเกลือโซเดียมอยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้
10.โปเตโต้ชิพ อาหารขบเคี้ยว
การทอดโปเตโต้ชิพจะทอดกันที่อุณหภูมิสูงทำให้มีสารเคมีอะคริลิไมด์ (Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท กินมันฝรั่งทอดเพียงวันละ 1 ถุง เท่ากับซดน้ำมันพืชปีละ 5 ลิตรเชียวนะ

วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

ช็อกโกแลตมูส

ต้อนรับเดือนแห่งความร้อนระอุตับร้อนด้วยสูตรช็อกโกแลตมูส อร่อยเก๋ ไม่ซ้ำใครเพื่อคนที่คุณรักและห่วงใย สูตรฝรั่งเศสจาก ปริม บูลกุล


ส่วนประกอบ :

1.ช็อกโกแลตหวานน้อย 250 กรัม
2.เนย 100 กรัม,
3.ไข่แดง 3 ใบ, ไข่ขาว 6 ใบ
4.น้ำตาลทราย 60 กรัม
5.วิปครีม 200 มิลลิลิตร
6.น้ำส้ม 125 มิลลิลิตร และผิวส้มหั่นฝอยละเอียด



วิธีทำ :
ตั้งไฟอ่อนสำหรับน้ำส้มกับผิวส้มจนนุ่ม ละลายเนยและช็อกโกแลตใน Bain Marie ตีไข่แดง และนำ้ตาล ส่วนจนละลาย พักไว้ ตีไข่ขาวและน้ำตาล ส่วน จนตั้งยอด ผสมไข่แดงและน้ำตาล ที่ตีไว้ลงในช็อกโกแลต ตามด้วยวิปครีมที่ตีแล้ว ลงไปทีละน้อยจนหมด ใส่ผิวส้มที่เตียมไว้
สุดท้ายใส่ส่วนผสมไข่ขาวทีละน้อยอย่างเบามือ จนหมด ตักใส่ภาชนะและแช่เย็น 2-3 ชั่วโมง ตกแต่งด้วยเปลือกส้ม และใบสะระแหน่





เต้าฮวยเย็นฟรุตสลัด แก้กระหาย

ช่วงนี้อากาศร้อนพาลทำให้หลายคนอารมณ์ร้อนตาม กินดี มีวิธีคลายร้อนแบบอิ่มอร่อยมาฝากแถมเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย

ช่วงนี้อากาศร้อนพาลทำให้หลายคนอารมณ์ร้อนตาม กินดี มีวิธีคลายร้อนแบบอิ่มอร่อยมาฝากแถมเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย เมนูวันนี้คือ เต้าฮวยเย็นฟรุตสลัด มีสรรพคุณ แก้ร้อน ดับกระหาย และช่วยขับปัสสาวะ
เตรียมส่วนผสม
1.วุ้นผง 1 ช้อนโต๊ะ
2.นมสดชนิดจืด 1 ถ้วยตวง
3.น้ำเปล่า 1 ? ถ้วยตวง
4.น้ำตาลแร่ธรรมชาติ ? ถ้วยตวง
5.กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา
6.ฟรุตสลัด
7.นมข้นจืดตามต้องการ
ลงมือทำ
ผสมวุ้นผงกับน้ำเปล่าให้เข้ากัน แล้วนำไปตั้งไฟเคี่ยวให้วุ้นละลาย หมั่นคนบ่อย ๆ จนเดือด จากนั้นใส่น้ำตาลแร่ธรรมชาติลงไป คนให้น้ำตาลละลายหมด ใส่นมสดและกลิ่นวานิลาลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นเทส่วนผสมลงในถ้วยหรือภาชนะที่เตรียมไว้ ตั้งพักไว้รอจนแข็งตัว
ระหว่างรอ หันไปเตรียมฟรุตสลัดกัน
ส่วนผสม
1.น้ำตาลแร่ธรรมชาติ 1 ถ้วย
2.น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
3.ผลไม้ต่าง ๆ ที่ต้องการทำฟรุตสลัด เช่น มะละกอ, สับปะรด, องุ่น, แคนตาลูป หรือชนิดอื่นตามใจชอบอย่างละ ? ถ้วยตวง
วิธีทำ
1.หั่นมะละกอ, สับปะรด, แคนตาลูป เป็นชิ้นสี่เหลี่ยม ส่วนองุ่นให้ล้างน้ำลอกเปลือกออก
2.ผสมน้ำเปล่ากับน้ำตาลแร่ธรรมชาติ นำไปตั้งไฟเคี่ยวจนน้ำเชื่อมข้น
3.ใส่ผลไม้ที่เตรียมไว้ลงไป ควรจะเชื่อมทีละอย่าง ตักออกแล้วค่อยเชื่อมอย่างอื่นต่อ
เมื่อทำฟรุตสลัดเรียบร้อยแล้ว นำฟรุตสลัดทั้งเนื้อและน้ำใส่ลงไปในเต้าฮวย ราดด้วยนมข้นจืดตามต้องการ
เคล็ดไม่ลับก้นครัว ถ้าอยากให้เต้าฮวยนิ่ม ๆ ก็ลดปริมาณผงวุ้นลงนิดหน่อย และก่อนรับประทานควรนำเต้าฮวยฟรุตสลัดแช่ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที เพื่อความหวาน เย็น สดชื่น

สลัดเห็ดพอร์โทเบลโล (Portobello Salad)







Portobello Mushroom เห็ดพอร์โทเบลโล หรือเห็ดหอม นอกจากจะมีรสอร่อยและมีกลิ่นหอมแล้ว ยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงสมอง ช่วยให้หลับง่าย









ส่วนผสม




1.เห็ดพอร์โทเบลโล 4 ดอก
2.น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ
3.น้ำส้มสายชูไวน์แดง (Red Wine Vinegar) 1 ช้อนโต๊ะ
4.น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
5.เกลือ พริกไทย อย่างละหนึ่งหยิบปลายนิ้ว





ส่วนผสมของน้ำสลัด
1.น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
2.น้ำส้มสายชูไวน์แดง (Red Wine Vinegar) 1 ช้อนโต๊ะ
3.น้ำผึ้ง 1/2 ช้อนโต๊ะ





ส่วนผสมของผักสลัด
1ผักสลัดรวม 1 ถ้วย
2.มะเขือเทศหั่นแว่น 3 ชิ้น






วิธีทำ

1.ตัดก้านเห็ดออก คลุกเห็ดกับเกลือ พริกไทย น้ำมันมะกอก น้ำส้มสายชู และน้ำผึ้งในชามแก้ว แล้วห่อด้วยพลาสติกถนอมอาหาร จากนั้นนำเข้าเตาไมโครเวฟ กดปุ่มระบบอัตโนมัติตั้งเวลา 2 นาที กดปุ่ม Start

2.เมื่อผักสุก นำออกจากเตาไมโครเวฟ พักไว้ประมาณ 15 วินาที แกะพลาสติกออก ตักเห็ดขึ้น พักไว้บนจาน นำน้ำเห็ดมาเติมลงในส่วนผสมน้ำสลัด ตีเพิ่มเข้าไปเพื่อช่วยเพิ่มรสชาติให้กับน้ำสลัด

3.จัดวางเห็ด ผักสลัด และมะเขือเทศราดด้วยน้ำสลัด พร้อมเสิร์ฟ




ขนมปังหน้าเห็ด



เห็ดแชมปิญอง หรือเห็ดกระดุม จัดเป็นเห็ดยอดนิยมที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านแบคทีเรีย ช่วยให้หายใจสะดวก และระงับอาการปวดตามข้อได้เป็นอย่างดี ว่ากันว่ารับประทานเห็ดแชมปิญองวันละ 100-150 กรัม จะเป็นผลดีต่อสุขภาพและร่างกายเป็นอย่างมาก


ขนมปังหน้าเห็ด

Mushroom Bruschetta




ส่วนผสม


1.ขนมปังบาแกตต์หรือขนมปังฝรั่งเศสหั่นบางๆ 10 ชิ้น
2.น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
3.เห็ดแชมปิญองหั่นสไลซ์ 1 ถ้วย
4.กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
5.ผักชีฝรั่งสับ 1 ช้อนชา
6.หอมแดงสับ 1 ช้อนชา
7.น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ
8.ปาปริก้าป่นและเกลือสำหรับโรยหน้าขนมปัง 3 ชิ้น
9.เกลือ พริกไทย อย่างละหนึ่งหยิบปลายนิ้ว



วิธีทำ

1.เริ่มจากราดน้ำมันมะกอกลงบนแผ่นขนมปังจากนั้นโรยซ้ำด้วยเกลือและปาปริก้าป่น
2.นำขนมปังมาวางเรียงบนตะแกรงเตี้ยสำหรับย่าง แล้วนำไปย่างในเตาไมโครเวฟ ด้วยระบบย่างกดปุ่มระบบย่าง ตั้งเวลา 2 นาที เสร็จแล้วนำขนมปังออกมาพักไว้

3.นำส่วนผสมเห็ดผัดมาคลุกรวมกันในชามแก้วปิดฝาด้วยพลาสติกถนอมอาหาร นำเข้าอบในระบบไมโครเวฟ กดปุ่มระบบอัตโนมัติตั้งเวลา 1 นาที

4.เสิร์ฟร้อนๆ คู่กับขนมปังกรอบ

colskys@hotmail.com