วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553

ข้อเท็จจริง...เรื่องของถุงยางอนามัย

คนหลายคู่ที่คิดว่า การใช้ถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ต่อกันนั้นทำให้ไม่สามารถไปถึงจุดสุดยอดได้เพราะมีเกราะกำบังมากั้นความรู้สึก

มาถึงวันนี้ เชื่อว่าแทบทุกคนคงรู้แล้วว่า การใช้ถุงยางอนามัยเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ที่มาของโรคร้ายอย่างเอดส์ รวมทั้งโรคทางเพศสัมพันธ์อีกมากมายสารพัดโรค และการตั้งครรภ์อันไม่พึงประสงค์ แต่การรู้เพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ทำอย่างไรจึงจะให้ทุกคนตระหนัก และเตือนตัวเองให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์นั้นต่างหากที่เป็นปัญหาที่ต้องขบคิด

มี บางคนคิดเลยเถิดไปถึงว่าเป็นการแสดงถึงความไม่บริสุทธิ์ใจ เหมือนกับเป็นการบอกว่าตนนั้น(หรือกลัวว่าอีกฝ่าย)เป็นโรค กลัวโรคติดต่อ ไม่ไว้ใจกัน การมีเพศสัมพันธ์กันระหว่างชายหญิงเป็นสัมผัสที่ให้ความรู้สึกลึกซึ้ง หากมีอุปสรรคทางอารมณ์หรือความไม่ไว้ใจกันมากั้นขวาง หนทางรักก็ไม่เต็มอิ่มอย่างไรอย่างนั้น

แต่...แล้วคนที่คิดแบบนั้นหากลองคิดในทางกลับกันว่า .... หากคุณ หรือคู่ เกิดติดเชื้อโรคที่ไม่พึงประสงค์ทั้งหลายมาจะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตามแต่ แล้วนำไปแพร่กระจายใส่คนที่คุณรักล่ะ...นั้นก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็นความประสงค์ร้ายที่คุณจะยอมทำกับคนที่คุณรักได้ลงคอเชียวหรือ?

ลองมาดูข้อมูลเหล่านี้กันก่อนเพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของถุงยางอนามัยกันมากขึ้นนะครับ ในการศึกษากับคนที่ติดเชื้อเอชไอวี พบว่า คู่สามีภรรยา ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ติดเชื้อเพียงคนเดียว หากมีการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กัน และทำเป็นประจำโดยตลอดแล้ว จะมีอัตราการติดเชื้อเอชไอวีถึงกันต่ำกว่า 1% ต่อปีด้วยซ้ำ

นอกจากเชื้อเอชไอวีแล้ว ยังมีโรคติดต่ออีกมากมายที่สามารถส่งผ่านเชื้อกันได้ทางเพศสัมพันธ์ อย่าง เริม หนองใน ซิฟิลิส แม้กระทั่งโรคไวรัสตับอักเสบบี มีรายงานว่าในประเทศที่มีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยเพิ่มขึ้นสูง ตัวเลขจะสวนทางต่อผู้ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่างเช่นในเมืองไทยเราถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควรกับการรณรงค์ให้คนในแวดวงขายบริการทางเพศให้หันมาใช้ถุงยางอนามัย เพิ่มจาก 14% ในปี พ.ศ.2532 มาเป็น 94% ในปี พ.ศ.2537 ทำให้ตัวเลขของผู้ที่ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ลดลงจาก 400,000 คนมาเป็น 30,000 คนต่อปีโดยประมาณ เช่นเดียวกับที่ประเทศกัมพูชาที่ตัวเลขอัตราการติดเชื้อเอชไอวีลดลงกว่า 80% เมื่อคนหันมาใช้ถุงยางอนามัยกันมากขึ้น

ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ในเอเชียยังตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องนี้น้อยกว่า และยังจำเป็นต้องได้รับการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ถุงยางฯ กันมากขึ้น หลายๆ ประเทศถุงยางอนามัยเป็นสิ่งที่หาซื้อได้ยาก ราคาแพง และยังไม่เห็นประโยชน์ของถุงยางอย่างแท้จริง แม้กระทั่งในกลุ่มคนที่ประกอบอาชีพขายบริการเองก็ตาม ยังมีปัญหาการผลิตถุงยางอนามัยที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ เช่นในจีนที่มีคนทำงานด้านขายบริการอยู่ประมาณ 6 ล้านคน หากจะให้ทุกคนใช้ถุงยางฯ ก็ควรจะผลิตได้นับพันล้านกว่าชิ้นต่อปีหนึ่งๆ หรือในประเทศสหภาพพม่าที่ประเมินว่าควรจะผลิตถุงยางอนามัยได้สัก 50 ล้านชิ้นต่อปี เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศใช้สำหรับการวางแผนครอบครัวหรือการป้องกันโรคติดต่อ แต่ในความเป็นจริงตัวเลขปริมาณถุงยางที่มีในตลาดของประเทศดังกล่าวยังห่างไกลความต้องการอีกมาก

นับว่าเมืองไทยยังโชคดีกว่าที่ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ แต่แม้ต่างชาติจะมองว่าไทยประสบความสำเร็จในการชักชวนให้คนใช้ถุงยางอนามัยกันเมื่อมีเพศสัมพันธ์ แต่การรณรงค์ก็ยังต้องทำต่อไปอย่างต่อเนื่องแบบหยุดไม่ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มชาวบ้านในท้องถิ่น ชาวเขา เช่น ม้ง หรือละหุ ที่ไม่ค่อยใส่ใจถึงประโยชน์การใช้ถุงยางอนามัย ทำให้การคุมกำเนิด และควบคุมการแพร่เชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในคนกลุ่มดังกล่าวทำได้ยาก หรือแม้แต่ในกลุ่มครอบครัวหรือคู่รักที่มีการศึกษาตามเมืองใหญ่ๆ เองก็ตาม ยังพบว่ามีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยค่อนข้างต่ำ สาเหตุเพราะหลายคู่ยังมีทัศนคติผิดๆ เกี่ยวกับการใช้ถุงยางฯ นำไปเชื่อมโยงกับความคิดเรื่องเพศสัมพันธ์ที่ไม่สะอาด หรือไว้ใจซึ่งกันและกันมากเกินไปว่าอีกฝ่ายไม่มีสัมพันธ์กับคนอื่น

ดังนั้น...หากเราอยากปลอดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการตั้งครรภ์ขณะที่ยังไม่พร้อม และมีความสุขในชีวิตคู่ไปอีกนานๆ แบบมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง คงต้องเริ่มเปลี่ยนทัศนคติที่ไม่ดีต่อถุงยางอนามัย แล้วมองมันในมุมใหม่ ....

ความสุขในชีวิตรักมาจากสัมผัสที่อ่อนโยนลึกซึ้งต่อกันและกันระหว่างคู่ เพียงแค่เยื่อบางๆ ของถุงยางคงไม่ได้ทำให้ความรู้สึกหดหาย แต่กลับช่วยให้คุณต่างมั่นใจในกันและกัน และมั่นใจต่อกิจกรรมที่กำลังกระทำให้กันมากขึ้น จริงไหมครับ....

คุณรู้หรือไม่?!?

มีใครเคยบอกคุณเกี่ยวกับวิธีการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกวิธีแล้วหรือไม่.ถ้ายัง อ่านตรงนี้ก่อน

1.ก่อนซื้อควรแน่ใจว่าถุงยางอนามัยที่คุณจะซื้ออยู่ในสภาพที่ดี และยังไม่หมดอายุ

2.ฉีกซองอย่างระมัดระวัง ไม่ทำให้ถุงยางฉีกขาด

3.บีบรีดตรงปลายถุงก่อนจะค่อยๆ คลายม้วนขึ้นมาห่อหุ้มอวัยวะเพศที่กำลังแข็งตัว

4.หลังจากหลั่งอสุจิแล้ว ให้จับตรงขอบถุงยางไว้ แล้วค่อยดึงอวัยวะเพศออกจากถุงขณะที่ยังแข็งตัวอยู่

5.ห้ามใช้สารหล่อลื่นชนิดที่ผสมน้ำมัน หากจำเป็นต้องใช้ ควรใช้สารหล่อลื่นชนิดที่เข้ากับน้ำ (water-based lubricants) เช่น เควายเยลลี เป็นต้น

ข้อเสนอแนะสำหรับรัฐบาล ที่จะช่วยส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยให้กับประชาชนได้อย่างไรบ้าง

6.ปรับราคาให้ต่ำ หรือลดภาษีเพื่อลดราคา

7.ทำให้คนเลือกซื้อได้ง่าย ด้วยการส่งเสริมให้มีการขายถุงยางมากขึ้น ในร้านค้า ร้านขายยา สถานบริการ ร้านอาหารประเภท ผับ บาร์ หรือแม้แต่ตู้ระบบหยอดเหรียญอัตโนมัติ

8.ทำให้คนในสังคมรู้สึกยอมรับว่าการซื้อถุงยางเป็นเรื่องที่ดี คนจะได้ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ หรืออายที่จะเดินไปซื้อถุงยางอนามัย

9.จัดอบรมเกี่ยวกับประโยชน์ของถุงยางอนามัยและสอนวิธีใช้ ให้กับประชาชน เริ่มตั้งแต่ในกลุ่มเยาวชน นักเรียน นักศึกษา

colskys@hotmail.com